สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
โคล้ด ปูแอล กุนซือเลสเตอร์ พาทีมเข้ารอบนี้ หลังเบียดชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 ก่อนถล่มเวสต์บรอมวิช 4-1 ในเกมลีกล่าสุด ทำให้ไม่แพ้มา 4 เกมแล้ว
สภาพทีมเกมนี้ ปูแอลยังไม่มี แดเนียล อามาร์ตีย์ ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่าเหมือนเดิม ส่วนแกนหลักรายอื่นๆ พร้อมช่วยทีมทั้งหมด
อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์เชลซี พาทีมเข้ารอบนี้ หลังถล่มฮัลล์ ซิตี้ 4-0 ก่อนแพ้ บาร์เซโลน่า 0-3 ในเกมยุโรปล่าสุด เป็นการแพ้นัดที่ 3 ในรอบ 5 เกม
สภาพทีมเกมนี้ คอนเต้ยังไม่มี ดาวิด ลุยซ์ (เข่า) และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ (เอ็นหลังหัวเข่า) ยังชวดเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีผลอะไร เพราะเป็นแค่สำรองอยู่แล้ว
นอกจากนั้นไม่มีปัญหาอะไรเพิ่ม แต่อาจมีการปรับทัพพอสมควร เพื่อเปิดโอกาสให้พวกแข้งสำรองบางรายได้ลงโชว์ฝีเท้าบ้างเหมือนในรอบที่ผ่านมา
นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เลสเตอร์ (4-4-1-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – แดนนี่ ซิมพ์สัน, เวส มอร์แกน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, เบน ชิลล์เวลล์ – เดมาไร เกรย์, บิเซนเต้ อิบอร์ร่า, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ริยาด
มาห์เรซ – ชินจิ โอกาซากิ – เจมี่ วาร์ดี้
ผู้จัดการทีม : โคล้ด ปูแอล
เชลซี (3-4-2-1) : วิลลี่ กาบาเยโร่ – อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, แกรี่ เคฮิลล์ – ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์, เชส ฟาเบรกาส, เอเมอร์สัน
พัลมิเอรี่ – วิลเลี่ยน, เปโดร โรดริเกซ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
ผู้จัดการทีม : อันโตนิโอ คอนเต้
ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน
เกร็ดก่อนเกม
– 3 ครั้งหลังสุดที่เจอกันในเอฟเอ คัพ เชลซีเอาชนะเลสเตอร์ได้หมด และเดินหน้าต่อจนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ (1997, 2000 และ 2012)
– มีประตูรวม 2.5 ประตูขึ้นใน 9 นัดหลังสุดที่เลสเตอร์เล่นในบ้านพบเชลซี
– เลสเตอร์ ในเอฟเอ คัพ 3 นัดติดต่อกัน
– มีประตูรวมต่ำกว่า 2.5 ประตูใน 5 จาก 6 นัดหลังสุดของเลสเตอร์ในเอฟเอ คัพ
– เชลซียิงได้อย่างน้อย 2 ประตูใน 6 จาก 7 นัดหลังสุดที่มาเยือนเลสเตอร์จากทุกรายการ
– เลสเตอร์ไม่แพ้ใครในบ้านนับตั้งแต่ขึ้นปี 2018 เป็นต้นมา
– เชลซีไม่แพ้เลสเตอร์ ซิตี้ ใน 6 นัดหลังสุดจากทุกรายการ
ที่มา : [Siamsport]