สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯ ซิตี้ พาทีมออกไปแพ้ลิเวอร์พูลขาดลอย 0-3 ในนัดแรก ก่อนพ่ายแมนฯ ยูไนเต็ด 2-3 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการแพ้ 2 นัดติด
สภาพทีมนี้ เป๊ปไม่มีปัญหาอะไรเพิ่มเติม ขาดแต่พวกที่เดี้ยงอยู่ก่อนทั้ง จอห์น สโตนส์ (ศีรษะ) และ เบนฌาแม็ง เมนดี้ (เข่า)
ส่วนพวกแกนหลักที่เป็นแค่สำรองในเกมล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นไคล์ วอล์คเกอร์, เควิน เดอ บรอยน์ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ก็พร้อมคัมแบ็กทั้งหมด
ด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ลิเวอร์พูล พาทีมถล่มแมนฯ ซิตี้ตุนไว้ก่อน 3-0 ในนัดแรก ก่อนเสมอเอฟเวอร์ตัน 0-0 ในเกมลีกล่าสุด ทำให้ไม่แพ้มา 4 เกมแล้ว
สภาพทีมเกมนี้ที่แน่ๆ คล็อปป์จะไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ติดโทษแบน หลังสะสมใบเหลืองครบโควตา รวมไปถึงโฌแอล มาติป (ต้นขา), อดัม ลัลลาน่า (เอ็นหลังหัวเข่า), โจ โกเมซ (ข้อเท้า) และ เอ็มเร่ ชาน (หลัง) ที่บาดเจ็บทั้งหมด
ส่วนโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เจ็บโคนขาหนีบมาจากเกมแรก ถูกพักไว้เมื่อสุดสัปดาห์ ก็เพื่อเกมนี้โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับบรรดาแกนหลักรายอื่นๆ อย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ก็พร้อมลงลุยในเกมนี้เช่นเดียวกัน
แนวรุกทั้ง ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ พร้อมเต็มที่ ส่วน จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม จะได้ลงเสียบแทน เฮนเดอร์สัน
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ฟาเบียน เดลฟ์ – เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา – ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน”, ลีรอย ซาเน่
เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ลอริส คาริอุส – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยัน ลอฟเรน, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์
ผู้ตัดสิน : อันโตนิโอ มาเตว ลาออซ (สเปน)
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– เรือใบต้องชนะให้เยอะทีเดียวสำหรับเกมรอบก่อนรองนัดสองนี้หลังจากที่นัดแรกพ่ายที่แอนฟิลด์ มา 0-3
– นี่เป็นครั้งที่สองในถ้วยยุโรปที่ซิตี้เจอกับทีมจากอังกฤษ และเป็นครั้งที่สองในรอบก่อนรองรอบสามปี ส่วนลิเวอร์พูลเข้ามารอบก่อนรองชนะเลิศครั้งแรกนับแต่ปี 2008/09
– นี่ถือเป็นที่ 17 ที่สโมสรจากอังกฤษต้องมาเจอกันเองในถ้วยยุโรป โดยซิตี้อยู่ในสถิตินี้แค่หนเดียว และลิเวอร์พูล 10 ครั้ง โดย 5 จาก 9 ครั้งเป็นรอบน็อกเอาต์แชมเปี้ยนส์ ลีก
– นัดแรกที่หงส์แดงชนะ ถือเป็นทีมจากอังกฤษที่ชนะในบ้านเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกนับแต่ เลสเตอร์ ชนะ เซบีย่า 2-0 เมื่อซีซั่นก่อนในรอบ 16 ทีม
– ขณะที่นี่คือการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ในเกมยุโรป ทั้งสองทีมเจอกันมาแล้วในบอลอังกฤษ 178 หน ลิเวอร์พูล ชนะ 87, เสมอ 46 และแพ้ 45
– นี่คือครั้งที่สามที่เตะแบบสองนัดในการเตะน็อกเอาต์ ลิเวอร์พูลชนะทั้งสองหนเลย คือในลีก คัพ รอบรองฯ ชนะ 2-1 ปี 2980/81 และ 3-2 ปี 2011/12 และทั้งสองหนหงส์แดงไปถึงแชมป์
– นี่เป็นครั้งที่สองในยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองของซิตี้ โดยหนแรกปี 2015/16 เจอกับเปแอสเช ชนะ 3-2 (ย) 2-2 และ (ห) 1-0
– ในอดีตซิตี้เคยเจอกับสโมสรจากอังกฤษหนเดียวคือ คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1970/71 รอบรอง แพ้ทั้งสองเกมต่อเชลซี 0-1
– ซิตี้ไม่แพ้ 13 เกมในบ้านศึกแชมเปี้ยนสลีก (ชนะ 10, เสมอ 3) รวมรอบคัดเลือก แต่สถิติมาหยุดตรงพ่ายบาเซิ่ล รอบ 16 ทีมนัดสอง 1-2 เป็นการแพ้ครั้งแรกนับแต่พ่ายต่อยูเวนตุส ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกของปี 2015/16
– ซิตี้ชนะ 7 จาก 8 เกมหลังสุดยูโรเปี้ยน คัพ ในบ้าน รวมถึง 4 เกมติดต่อกันก่อนมาแพ้บาเซิ่ล
– ซิตี้ชนะแค่ 2 จาก 6 ครั้งศึกยุโรปที่พวกเขาเยือนแล้วแพ้ต่อนัดแรก และแพ้รวดในสกอร์รวม 4 หนหลังสุด
– สถิติซิตี้ ในการดวลจุดโทษศึกยุโรปคือชนะ 2 และไม่แพ้เลย ต่อ มิดทิลแลนด์ ศึกยูฟ่า คัพ รอบคัดเลือกรอบสอง ปี 2008/09 ด้วยสกอร์ 4-2 และ ปีเดียวกัน ชนะ อัลบอร์ก 4-3 ในรอบ 16 ทีม
– ขณะที่ลิเวอร์พูลชนะ 9 จาก 13 หนก่อนหน้าในยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
– ลิเวอร์พูลเล่นกับทีมจากอังกฤษรอบน็อกเอาต์เตะสองนัดมา 8 หน ผลงานอยู่ที่ชนะ 5, แพ้ 3 หนล่าสุดคือชนะผีแดงในยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมปี 2015/16 (ชนะ 2-0ในบ้าน, เยือนเสมอ 1-1)
– ดานิโล่, อินคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, กาเบรียล เชซุส และ แฟร์นันดินโญ่ เป็นนักเตะของเรือใบที่ต้องระวังห้ามโดนใบเหลืองไม่เช่นนั้นจะติดแบนในรอบหน้าถ้าเข้ารอบ
– ส่วนลิเวอร์พูลเกมนี้ไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ติดแบนเพราะเหลืองสะสม ขณะที่ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ถ้าโดนเหลืองจะติดแบนทันที
– หงส์แดงเคยเจอกับทีมอังกฤษในยูโรเปี้ยน คัพ 6 ครั้ง เริ่มที่ฟอเรสต์ ปี 1978/79 รอบแรก ส่วนอีก 5 หนเป็นการเจอเชลซี 4 ครั้ง และอาร์เซน่อล 1 ครั้ง
– ลิเวอร์พูลไม่เคยชนะเกมเยือนยุโรปกับทีมจากอังกฤษคือ (เสมอ 5, แพ้ 4)
– หงส์แดงชนะทั้ง 4 เกมที่ชนะที่บ้านก่อน 3-0 นั่นรวมถึง ยูฟ่า คัพ รอบชิงปี 1972/73 ที่เจอกับ กลัดบัค ด้วย
– สถิติหงส์แดงในการเตะจุดโทษถ้วยยุโรปคือ ชนะ 3, แพ้ 1 โดยชนะ โรม่า ปี 1984 นัดชิง, ชนะเอซี มิลาน ปี 2004/05, ชนะ เชลซี ปี 2006/07 และ แพ้ เบซิคตัส ยูโรปา ลีก ปี 2015
– คล็อปป์เจอกับเป๊ปสถิติทุกรายการอยู่ที่ คล็อปป์ ชนะ 7, เสมอ 1, แพ้ 5
– หงส์แดงยิงอย่างน้อย 3 เม็ดใน 6 จาก 7 เกมหลังสุดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
– หงส์แดงไม่เสียประตู 6 จาก 7 เกมหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก
– หงส์ไม่แพ้ใน 13 เกมหลังสุดแชมเปี้ยนส์ ลีก
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ลูกใน 6 จาก 7 เกมหลังสุดของเรือใบในแชมเปี้ยนส์ ลีก
– ซิตี้ มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ลูกใน 6 จาก 7 เกมหลังสุดในบ้านเมื่อเจอกับหงส์แดงนับทุกรายการ
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ลูกใน 6 จาก 7 เกมหลังแชมเปี้ยนส์ ลีก ของหงส์แดง
ที่มา : Siamsport