ความเคลื่อนไหวทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ชุดลุยสู้ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2018 ระหว่างวันที่ 6-20 เมษายน 2561 ซึ่งหลังเดินทางมาปักหลักฝึกซ้อมล่วงหน้าก่อนถึงทัวร์นาเม้นท์นานกว่าสัปดาห์
ล่าสุด “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ซึ่งเตรียมเดินทางมาให้กำลังใจลูกทีมตลอดการแข่งขันสำคัญครั้งนี้ เผยลูกทีมปรับตัวได้จากการเดินทางมาล่วงหน้า ทำให้ทุกคนพร้อมมาก โดยหวังแบ็คขวาคนสำคัญ วารุณี เพ็ชรวิเศษ หายช่วยทีมในนัดแรก
“เข้าสู่วันที่ห้าในการซ้อมที่จอร์แดน การที่ไทยได้มาเตรียมตัวก่อนระยะหนึ่งแบบนี้มันค่อนข้างตอบโจทย์เรามาก ต้องขอบคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ประสานทุกอย่างไว้อย่างเรียบร้อย
เรื่องการซ้อมก็เป็นไปตามโปรแกรมทุกวัน พอทุกอย่างพร้อมสำหรับนักกีฬา ก็ทำให้เค้าโฟกัสกับเรื่องในสนาม เด็กๆ ทุกคนคิดเหมือนกันคืออยากไปบอลโลก มันเป็นพลังที่ดีของทีมเราตอนนี้”
“เหลืออีก 2 วันเท่านั้น แป้งเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไรทั้งเรื่องในสนามและนอกสนาม สำหรับเกมนัดแรกกับจีน อยากให้ทุกคนพร้อมเต็มร้อยเปอร์เซ็นเพราะทุกเกมสำคัญทั้งหมด
อยากให้ทุกคนได้ลงช่วยทีมอย่างเต็มที่ สำหรับแป้งจะไปอยู่เป็นแรงใจให้น้องๆ ข้างสนามแน่นอน ต้องฝากพี่น้องคนไทยเชียร์พวกเราด้วยนะคะ”
โปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย มีดังนี้
วันที่ 6 เมย. 61 เวลา 20.45 น. ตามเวลาไทย
ไทย พบ จีน ณ สนามกีฬาแห่งชาติกรุงอัมมาน
วันที่ 10 เมย. 61 เวลา 00.00 น. ตามเวลาไทย (คืนวันที่ 9 เมย.)
ไทย พบ จอร์แดน ณ สนาม คิง อับดุลลอห์ สอง
วันที่ 13 เมย. 61 เวลา 00.00 น. ตามเวลาไทย (คืนวันที่ 12 เมย.)
ไทย พบ ฟิลิปปินส์ ณ สนาม คิง อับดุลลอห์ สอง
โดยคัด 5 ทีมของเอเชีย ไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ต่อไป
ที่มา : Buaksib
ที่มา : Buaksib
ที่มา : Buaksib
Toby Alderweireld กำลังถูก Manchester United ไล่ล่าตัวไปร่วมทีมในขณะนี้ ส่วนกับทีมสเปอร์ไก่เดือยทองเองปฏิเสธข้อเสนอที่นักเตะเรียกร้องคือค่าเหนื่อย 180,000 ต่อสัปดาห์ ทำให้สัญญาไม่คืบแถมนักเตะยังกลัวว่าจะโดนดองจากการที่ไม่สามารถตกลงสัญญากันได้ ทำให้โอกาสย้ายทีมของนักเตะในซัมเมอร์นี้มีความเป็นไปได้สูง
ที่มา : Buaksib
ซึ่ง ยูเลี่ยน บรันด์ท โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดกับต้นสังกัด จนสามารถแย่งตำแหน่งในทีมชาติเยอรมนีไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 และ ได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ทั่วยุโรป
ทั้งนี้ บรันด์ท ยิงไป 6 ประตู ในเวที บุนเดสลีดา และทำอีก 4 แอสซิสต์ทำให้เขายิงไปแล้ว 24 ประตูจาก 126 นัดในเกมลีกเมืองเบียร์นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อปี 2014
โดย ยูเลี่ยน บรันด์ท กล่าวว่า “ผมมองว่าการเติบโตของที่นี่คือสิ่งสำคัญมากนะ การต่อสัญญาในช่วงที่ผ่านมากับโจนาธาน ทาห์และลาร์ส เบนเดอร์สแสดงให้เห็นถึงสิ่งนี้ เราอยากคว้าแชมป์มาครอง” บรันด์ท ทิ้งท้าย
ที่มา : Buaksib
โดย ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีกรอบ 8 ทีมนัดแรกที่อััลลิอันซ์ สเตเดี้ยม เมื่อคืนก่อนหน้านี้นั้น อิสโก้ เป็นหนึ่งใน 11 ผู้เล่นที่ลงสนาม โดยเขาจ่าย 1 แอสซิสต์ให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้อีกด้วย
ทั้งนี้สื่อชื่อดังอย่าง อ็อพต้า รายงานว่า อิสโก้ ได้ผ่านบอลทั้งหมด 54 ครั้ง และสำเร็จถึง 100 เปอร์เซ็น โดยมิดฟิลด์รายสุดท้ายที่ทำได้ก็คือ ชาบี เอร์นานเดซ เล่นให้ บาร์เซโลน่า ในเกมๆหนึ่งช่วงเมษายน 2014 ผ่านบอล 95 ครั้ง
ซึ่งฤดูกาลนี้นั้น อิสโก้ ลงสนามให้ เรอัล มาดริดไปแล้ว 37 นัด รวมทุกรายการ และตัวจริงไป 26 นัด ยิงไป 6 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์
ที่มา : Buasib
ดาวเตะชาวแซมบ้า ตกเป็นข่าวกับ ผีแดง ตั้งแต่ซัมเมอร์ก่อน และมีแนวโน้มว่าเขาจะย้ายออกจากทีมในซัมเมอร์นี้
ตามรายงานจาก เดอะซัน ระบุว่า ฟาบินโญ ก็มีความต้องการย้ายไปเล่นให้กับผีแดงด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดกันว่าค่าตัวของเขาจะอยู่ที่ราวๆ 55 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
นอกจาก ฟาบินโญ แล้ว โชเซ มูรินโญ ก็ให้ความสนใจ ฌอง มิเชล เซรี ปีกจากนีซ และ เฟร็ด กองกลางจากชัคเตอร์ โดเนตส์ ด้วย
ที่มา : Buaksib
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 4 เม.ย. ว่า เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำลังวางแผนคว้าตัว อิเคร์ กาซิยาส ผู้รักษาประตูของ เอฟซี ปอร์โต มาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงซัมเมอร์นี้
เป็นที่เชื่อกันว่า คลอปป์ พร้อมที่จะปล่อยตัว ซิมง มินโญเลต์ นายด่านทีมชาติเบลเยียม ออกจากทีม ส่วน คาริอุส ยังต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาดีพอจะยึดมือ 1 ของทีมในระยะยาวได้หรือไม่
รายงานข่าวล่าสุดจาก สปอร์ต สื่อดังของสเปน ระบุว่า ทีมลิเวอร์พูล พร้อมที่จะเดินหน้าคว้าตัว อิเคร์ กาซิยาส มาร่วมทีม โดยเจ้าตัวจะหมดสัญญากับปอร์โตในช่วงซัมเมอร์นี้พอดิบพอดี ทำให้สามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว
ที่มา : Thairath
สนาม : แอนฟิลด์
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมผ่านด่านปอร์โต้มาได้แบบสบายๆ ในรอบที่แล้ว
ด้านความพร้อมของเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อดัม ลัลลาน่า มิดฟิลด์ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่ามาจากเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่บุกไปเฉือนชนะคริสตัล พาเลซ 2-1
เช่นเดียวกับ โจ โกเมซ กองหลังดาวรุ่งที่ได้รับบาดเจ็บข้อเท้ามาจากการลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ รวมทั้ง โฌแอล มาติป เซนเตอร์ฮาล์ฟที่เจ็บต้นขา ต้องเข้ารับการผ่าตัด และยังต้องรอเช็กฟิต เอ็มเร่ ชาน มิดฟิลด์ที่มีปัญหาบาดเจ็บที่หลังอยู่ด้วย
ในรายของ เดยัน ลอฟเรน กองหลังโครแอตที่เป็นตัวสำรองในเกมล่าสุด หลังหายจากอาการบาดเจ็บ น่าจะได้ลงเป็นตัวจริงในเกมนี้
“เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯ ซิตี้ พาทีมปราบ เอฟซี บาเซิ่ลมาได้ แบบสบายๆ เช่นกัน
ในรอบที่แล้ว สภาพทีมนี้ เป๊ปยังต้องรอทดสอบความฟิตของพวกที่เดี้ยงอยู่ก่อนทั้ง ฟาเบียง เดลฟ์ (ไม่สมบูรณ์) และ เบนฌาแม็ง เมนดี้ (เข่า) ส่วน จอห์น สโตน ที่พลาดเกมลีกล่าสุด ที่บุกไปปราบเอฟเวอร์ตัน 3-1 เนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือน จะกลับมาลงช่วยทีมในเกมนี้ได้
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เป๊ป ออกมายืนยันแล้ว เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ที่มีอาการบาดเจ็บเข่าจะไม่มีชื่อร่วมทีมนัดนี้
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง
ลิเวอร์พูล : ลอริส คาริอุส, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยัน ลอฟเรน, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ เฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส,ไคล์ วอล์คเกอร์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์, เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส, ลีรอย ซาเน่
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– ถือเป็นการเจอกันครั้งแรกของทั้งสองทีมในถ้วยยุโรป แต่ถ้าเป็นในเกมที่อังกฤษเจอกัน 178 หนแล้ว ลิเวอร์พูล ชนะ 87, เสมอ 46, แพ้ 45
– นี่เป็นครั้งที่ 17 ที่ทั้งสองทีมจากอังกฤษมาเจอกันในถ้วยยุโรป
– ลิเวอร์พูล ชนะ 9 จาก 13 หนก่อนหน้านี้ที่เตะในศึกยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่หนล่าสุดเจอกับทีมเชลซี ปี 2009 แพ้ด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-7 แต่ตอนปี 2008 เคยเจอกับทีมจากอังกฤษอย่างอาร์เซน่อล พวกเขาชนะด้วยสกอร์รวม 5-3
– ลิเวอร์พูลเคยเล่นรอบน็อกเอาต์ 2 นัดเจอกับทีมจากอังกฤษ โดยมีสถิติชนะ 5, แพ้ 3 ซึ่งหนล่าสุดคือชนะปีศาจแดงในยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีม ปี 2015/16 ในสกอร์รวม 2 นัด 3-1
– ในยูโรเปี้ยน คัพ หงส์เคยเจอกับทีมจากอังกฤษ 6 ครั้ง เริ่มที่ฟอเรสต์ 1 ครั้ง, เชลซี 4 ครั้ง และ อาร์เซน่อล 1 ครั้ง
– สถิติเจอกับทีมจากอังกฤษในยุโรปคือ ชนะ 5, เสมอ 8, แพ้ 5 ส่วนถ้าเล่นในบ้านคือ ชนะ 5, เสมอ 3, แพ้ 1 ซึ่งก็คือแพ้ต่อเชลซี ปี 2009
– ลิเวอร์พูลไม่แพ้ใน 14 เกมหลังสุดที่บ้านศึกยูโรเปี้ยน โดยเป็นการชนะ 9, เสมอ 5 นับแต่แพ้เรอัล มาดริด เมื่อ 22 ตุลาคม 2014 และที่สำคัญก่อนเสมอกับเซบีย่า ที่แอนฟิลด์ ก่อนหน้านั้น 6 เกมยุโรปที่บ้านพวกเขาชนะรวด
– ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่ถือเป็นเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งที่สองของพวกเขา
– ในอดีตเรือใบเคยเจอกับทีมจากอังกฤษหนึ่งครั้งเป็นศึกคัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1971 รอบรองชนะเลิศ ซิตี้แพ้เชลซีทั้งสองเกม 0-1
– 5 เกมแรกถ้วยนี้ ซิตี้ชนะรวด ก่อนมาแพ้ชัคตาร์ โดเนตส์ค 1-2 เพราะตัวเองเข้ารอบไปแล้ว ซึ่งในเกมเยือนรอบแรก พวกเขาชนะเฟเยนูร์ด 4-0 และ ชนะนาโปลี 4-2 ส่วนรอบ 16 ทีม ก็ชนะบาเซิ่ล 4-0
– ซิตี้ตอนนี้ชนะแค่ 4 จาก 11 เกมหลังยูโรเปี้ยน (เสมอ 3, แพ้ 4)
– ช่วงที่อยู่เยอรมัน เป๊ป กับ คล็อปป์ เจอกันบ่อยในระหว่างปี 2013-15 โดยเป๊ปชนะ 4 ส่วนคล็อปป์ชนะ 3 หนในทุกรายการ
– ลิเวอร์พูลไม่แพ้ 17 เกมเหย้าเมื่อเจอกับเรือใบนับทุกรายการ
– หงส์แดงไม่แพ้ใน 12 เกมหลังสุดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
– หงส์แดงไม่เสียประตู 5 จาก 6 เกมหลังสุดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ลูก ใน 5 จาก 6 เกมหลังสุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของซิตี้
– ส่วนการทำทีมในอังกฤษ ลิเวอร์พูลของคล็อปป์ชนะเกมเหย้าทั้งสองหนที่เจอกับซิตี้ และเสมอ 1 กับ แพ้ 1 ตอนไปเยือน
– โม ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 29 ลูก ในพรีเมียร์ และ 37 ลูก ทุกรายการ โดยเขา ยิง 16 เม็ด จาก 14 เกมหลังให้หงส์แดง
– ฟอร์มของหงส์ตอนนี้ชนะแค่ 7 จาก 12 เกม โดยแพ้ 3 ส่วนซิตี้ยิงไป 58 ลูก จากเกมเยือน เสียแค่ 20 เม็ด
ที่มา : Siamsport