ฟุตบอลยูโรปาลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรก
วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2561
แอต.มาดริด 2-0 สปอร์ติ้ง ลิสบอน
สนาม : วานด้า เมโทรโปลีตาโน่
ฟุตบอลยูโรปาลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรก “ตราหมี” แอต.มาดริด เต็งหนึ่งถ้วยรายการนี้ จัดผู้เล่นชุดใหญ่นำโดย “กรีซมันน์-คอสต้า”ประสานแนวรุกแดนหน้า ดวล สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมดังโปรตุเกสที่มีอาวุธอันตรายอย่าง “บาส โดสท์” พร้อมล่าตาข่าย
เริ่มเกมมาได้เพียงแค่ 23 วิ “ตราหมี” ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เกมรับทีมเยือนจ่ายบอลพลาดเข้าทาง ดีเอโก้ คอสต้า บริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนเจ้าตัวส่งบอลต่อให้ โกเก้ ที่วิ่งสอดขึ้นมาซัดด้วยเท้าซ้ายเข้าไป ออกนำ 1-0
หลังจากนั้นนาทีที่ 3 แอต.มาดริด เกือบนำห่างสองลูก จากจังหวะลูกเตะมุม โกดิน เติมขึ้นมาโขกบอลแต่ติดเซฟนายด่านทีมเยือน
ผ่านมาถึงนาทีที่ 8 สปอร์ติ้ง ลิสบอน มีลุ้นบ้าง วิลเลียม คาร์วัลโญ่ เปิดบอลจากริมเส้นด้านขวา บอลโค้งเข้าหัว บาส โดสท์ โหม่งแต่ โอบลัค ปัดออกหลังไปได้
ถัดมาอีก 5 นาที ทีมเยือนได้โอกาสอีกหนแบ็กซ้าย ปิซซินี่ ครอสบอลจากด้านข้างอีกครั้ง บอลพุ่งตรงเข้าศีรษะ บาส โดสท์ เจ้าเดิมก่อนเจ้าตัวโหม่งบอลออกข้างประตูอย่างน่าเสียดาย
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 32 ทีมดังโปรตุเกส ได้โอกาสตีเจ๊าอีกครั้ง เกลสัน มาร์ตินส์ รับบอลจากเพื่อนตรงกลางสนาม ก่อนกระชากฉีกหนีแนวรับเจ้าถิ่น หลุดเข้าไปยิงบอลแต่ โอบลัค พุ่งปัดไว้ได้สำเร็จ
แต่แล้วนาทีที่ 40 กรีซมันน์ ฉกฉวยความผิดพลาดของ เฌเรมี่ มาติเยอ กองหลังทีมเยือน หลุดเข้าไปยิงด้วยเท้าซ้าย บอลตุงตาข่าย ก่อนจบครึ่งแรก “ตราหมี” นำสบาย 2-0
เริ่มครึ่งหลังนาทีที่ 48 กาบี เปิดบอลจากกลางสนาม แนวรับลิสบอน สกัดพลาดอีกหน บอลหลุดมาเข้าเท้า คอสต้า แต่เจ้าตัวมัวแต่เล่นลีลาแตะบอลหลบนายด่านทีมเยือนไม่ผ่านซะอย่างนั้น หลังจาก คอสต้า ยังพยายามซัดประตูอีกครั้ง หลังเจ้าตัวหลุดไปบริเวณเขตโทษด้านซ้าย ก่อนยิงบอลติดเซฟนายทวารทีมเยือนเช่นเดิม
เกมดำเนินมาถึงช่วงท้าย ยังคงเป็นเจ้าบ้านที่มีจังหวะลุ้นประตูที่สามอยู่เรื่อย ๆ โดยนาทีที่ 81 ดีเอโก้ คอสต้า มีโอกาสหลุดเข้าไปเดี๋ยวตรงกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่กลับยิงไม่ผ่านมือ รุย ปาตริซิโอ้ โกลลิสบอน อีกเช่นเคย จบเกม “ตราหมี” แอต.มาดริด เล่นไม่ยากอัด สปอร์ติ้ง ลิสบอน ไปก่อน 2-0 โดยมีคิวบุกเยือนถิ่นทีมดังโปรตุเกสช่วงสัปดาห์หน้าต่อไป
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
แอต.มาดริด:แยน โอบลัค,ฆวนฟราน,สเตฟาน ซาวิซ,ดีเอโก้ โกดิน,ลูคัส,อังเกล คอร์เรอา,ซาอูล นิเกวซ,กาบี,โกเก้,อ็องตวน กรีซมันน์,ดีเอโก้ คอสต้า
สปอร์ติ้ง ลิสบอน:รุย ปาตริซิโอ้,คริสเตียโน่ ปิซซินี่,เฌเรมี่ มาติเยอ,เซบาสเตียน โกอาเตส,ฟาบิโอ คอนเอนเตรา,โรดริโก บัตตาเกลีย,วิลเลียม คาร์วัลโญ่,เกลสัน มาร์ตินส์,บรูโน เฟอร์นานเดส,ไบรอัน รุยซ์,บาส โดสท์
ที่มา : siamsport
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมที่จะทุ่มเงินก้อนโตจำนวน 175 ล้านปอนด์ (ประมาณ ล้านบาท) หวังคว้าตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าคนเก่งของ ลิเวอร์พูล สโมสรคู่ปรับตลอดกาล มาเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ ตามรายงานจาก ดอน บาลอน สื่อของสเปน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา
ยอดแข้งทีมชาติอียิปต์วัย 25 ปี เพิ่งย้ายจาก อาแอส โรม่า มาร่วมก๊วน “หงส์แดง” เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่ผ่านมา และระเบิดฟอร์มได้สุดยอดทันที โดยฤดูกาลนี้เจ้าตัวกระหน่ำไปแล้ว 38 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 42 นัด
ถึงแม้ ลิเวอร์พูล แสดงท่าทีชัดเจนที่จะไม่ขาย ซาลาห์ หลังจบฤดูกาลนี้ไม่ว่าจะราคาไหน แต่ ดอน บาลอน อ้างว่า “ปีศาจแดง” ยินดีที่จะทุ่ม 175 ล้านปอนด์ ด้วยความหวังที่จะดึง อดีตแข้ง เชลซี และ บาเซิ่ล มายังถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้ได้
นอกจากนี้ เรอัล มาดริด ยอดสโมสร ลา ลีกา สเปน ก็มีข่าวเกี่ยวโยงกับ ซาลาห์ เช่นกัน โดยปัจจุบันนักเตะเหลือสัญญาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ อีก 4 ปี
ที่มา : siamsport
ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องสำหรับ เจ ชนาธิป ดาวเตะทีมชาติไทยที่ไปค้าแข้งอยู่กับทีม คอนซาโดเล่ ซัปโปโร และรักษามาตราฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งตอนนี้ทำไปสองประตูกับอีกหนึ่งแอสซิสต์ในศึกเจลีก 2018
ล่าสุดทางสโมสร คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ได้เปิดให้แฟนบอลเขียนจดหมายถึงเหล่าบรรดาแข้งซัปโปโรซึ่งผลปรากฎว่ามีแฟนฟุตบอล ซัปโปโร เขียนจดหมายส่งความรู้สึกถึง เจ ชนาธิป เป็นจำนวนที่เยอะมากๆ
จดหมายบางฉบับเป็นรูปภาพบางฉบับเป็นภาษาญี่ปุ่นรวมถึงยังมีภาษาไทย โดยแทบจะทุกข้อความจะเป็นการส่งกำลังใจให้ เจ ชนาธิป และคาดหวังให้สร้างผลงานที่ดีต่อไปเรื่อยๆเพื่อความสุขให้กับแฟนบอล
สำหรับโปรแกรมเจลีก 2018 นัดต่อไปของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จะมีคิวเปิดซัปโปโรโดมต้อนรับการมาเยือนของ นาโกย่า แกรมปัส ในวันที่ 7 เมษายน เวลา 12.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ที่มา : Siamsport
เจสซี่ ลินการ์ด ปีกฟอร์มฮอต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรพ่อบุญทุ่มแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มั่นใจทัพ “ปีศาจแดง” จะขัดขวางการฉลองแชมป์ลีกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมดาร์บี้แมตช์ ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันเสาร์ที่ 7 เมษายนนี้
สองทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ มีคิวต้องปะทะแข้งกัน โดยเกมนี้ได้รับการจับตามองจากแฟนลูกหนังทั่วโลก เพราะนอกจากจะเป็นการสู้กันของคู่อริร่วมเมืองแล้ว หากทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้า 3 คะแนนสำคัญ จะทำให้พวกเขาผงาดคว้าแชมป์ลีกเมืองผู้ดี ในฤดูกาลนี้ทันที
ลินการ์ด ซึ่งหวังนำ แมนฯ ยูไนเต็ด จบอันดับ2 ให้ได้ ยืนยันว่าแข้ง “ปีศาจแดง” มุ่งมั่นที่จะเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ให้ได้ “เราเคยบุกไปเล่นที่นั่นมาแล้ว และทำผลงานได้ดีมากๆ ดังนั้นผมมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีก พวกเราต้องมีสมาธิเต็มร้อยกับงานของเรา และคว้า 3 คะแนนให้ได้เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการ”
“คุณต้องมีสมาธิอยู่ในเกม เพราะถ้าคุณปล่อยให้มีสิ่งอื่นเข้ามาร่วมกวนมันอาจจะส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของคุณ ดังนั้นคุณต้องทำผลงานให้เหมือนกับเกมอื่นๆ คุณมีเพื่อนร่วมทีมที่พร้อมทุ่มเทเต็มร้อย และหากเราเล่นเข้าฟอร์มเราก็มีโอกาสได้ 3 คะแนน” ลินการ์ด ระบุ
ที่มา : siamsport
สำหรับทีมชาติไทยชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ มิโลวาน ราเยวัช มีโปรแกรมเก็บตัว ในช่วงการแข่งขันs]หลังจากที่ฟุตบอลลีกภายในประเทศจบเลกแรกในวันที่ 26 พฤษภาคม 2561 โดยมีสองทางเลือกคือการเดินทางไปทวีปยุโรป หรือเก็บตัวในประเทศไทย ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระดับนานาชาติจำนวน 1 นัด
โดยทางด้านของ กรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวว่า
“ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการเก็บตัวของทีมชาติไทยกับทางสโมสรสมาชิกในระดับ ไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2
ซึ่งก็วางสองทางเลือก คือการพาทีมชาติชุดใหญ่ไปเก็บตัวที่ยุโรป และทางเลือกสอง ก็คือเก็บตัวในไทย ในส่วนตรงนี้ก็ต้องรอสรุปกับทางนายกสมาคมฯ และทาง มิโลวาน ราเยวัช อีกที ก็ต้องขอบคุณทุกสโมสรที่ร่วมแสดงความเห็นและเสนอแนะมาให้กับทางสมาคมฯ”
ขณะที่ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และ โฆษกสมาคมฯ กล่าวเสริมว่า
“ทาง มิโลวาน ราเยวัช ได้แจ้งความจำนงว่ามีความกังวลเกี่ยวกับฟีฟ่า เดย์ ช่วงครึ่งปีหลัง เพราะสโมสรมีเกมการแข่งขันในลีกที่แน่น และยังเป็นช่วงที่สำคัญ
เพราะจะมีการตัดสินเรื่องการลุ้นแชมป์และหนีตกชั้นค่อนข้างตึงเครียด นั่นหมายความว่า ฟีฟ่า เดย์ ในช่วงกันยายนนั้น เราจะคืนช่วงเวลานั้นให้กับทางฟุตบอลลีก โดยไม่มีการหยุดพักในช่วงดังกล่าว”
“และเราก็จะขอเวลาในช่วงพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก เพราะมันกลายเป็นธรรมเนียมแล้วว่า 21 วันก่อนฟุตบอลโลก ทีมชาติต่างๆจะมีการทดลองจัดตัวผู้เล่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฟุตบอลโลก เพราะลีกยุโรปก็จบหมดแล้ว ดังนั้นทีมชาติต่างๆก็จะหาทีมอุ่นเครื่อง แม้บางทีมจะไม่ได้ไปฟุตบอลโลกเองก็ต้องการหาทีมทำการแข่งขัน”
“เราก็เลยมองว่าเรามีสองทางเลือก หนึ่งคือเดินทางไปยุโรป ซึ่งข้อดีก็คือ จะทำให้เรามีสมาธิ, เวลา, คุณภาพ, สภาพแวดล้อม, สนามซ้อม, การใส่แท็คติก และการอยู่ร่วมกันจะดีกว่าที่ประเทศไทย และจะทำให้โค้ชได้รู้จักนักกีฬามากขึ้น”
“ส่วนทางเลือกที่สอง คือการเก็บตัวที่ประเทศไทย และทำการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติหนึ่งเกมกับทีมที่มี ฟีฟ่า แรงกิ้ง สูงกว่า ซึ่งวันนี้ก็ชี้แจงและเรียนให้สโมสรสมาชิกได้ทราบ และได้รับความเห็นมาบ้าง โดยทางสมาคมฯ ก็จะรีบสรุปและประกาศต่อไป”
“ตอนนี้ เราก็ทำไปทั้งสองทาง และทั้งสองแบบก็พร้อมกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เหลือแค่ว่าเราว่าจะเลือกแบบไหนก่อนจะลงนามเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ โดยตอนนี้ก็รอทางฟีดแบ็คจากทางสโมสรอีกครั้ง ซึ่งฟีดแบ็คในห้องประชุมก็ได้มองเห็นข้อดีและข้อเสียของทั้งสองทางเลือก”
“เพราะการไปที่ยุโรป จะทำให้เราได้เตรียมแผนการเล่นยามเป็นทีมเยือน ซึ่งทีมชาติไทยเคยเล่นในบ้านมาแล้วในคิงส์ คัพ ขณะที่เราจะต้องเตรียมทีมในเรื่องของการไปเยือน
ทั้งใน ซูซูกิ คัพ และ เอเชียน คัพ ดังนั้นเราก็อยากจะมีการเตรียมความพร้อมเรื่องภาวะการเดินทาง และการเล่นเป็นทีมเยือนดูบ้าง ถ้าทำได้ตามนี้ก็ดี
แต่ทางสโมสรเองก็ต้องการให้นักเตะได้พักผ่อนเต็มที่ในช่วงพักเบรค ถ้าซ้อมในประเทศ จะมีการดูแลอย่างใกล้ชิด และเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บก็จะมีการช่วยเหลือและฟื้นฟูได้เร็วกว่า”
“คือในช่วงพฤษภาคม มันเป็นช่วงพักเบรคอยู่แล้ว แน่นอนว่าจะไม่กระทบต่อปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลลีก และเราจะไม่มีการแข่งขันระดับทีมชาติในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงฟีฟ่า เดย์
แต่ในขณะเดียวกันอาจจะมีผลกระทบต่อบางสโมสร ที่มีนักเตะต่างชาติที่้ต้องถูกเรียกตัวติดทีมชาติแทน”
สำหรับการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ในปีนี้จะมีเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน โดยไม่มีเจ้าภาพ โดยจะจัดในช่วงระหว่างวันที่ 8 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2561 ขณะที่ฟุตบอล เอเชียน คัพ 2019 ที่ สหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 5 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2562
กระทั่ง สื่อจากสเปนอ้างว่าอิสโก้ เป็นเป้าหมายหลักของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงซัมเมอร์นี้ และพวกเขาก็เตรียมทุ่มเงิน 75 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวเขา
ตามการรายงานข่าวจาก แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง โพสต์ สื่อท้องถิ่นประเทศอังกฤษ ระบุว่าผู้บริหารของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้วางแผนการคว้าตัวอิสโก้
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทีม “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงมองหากำลังเสริมในแนวรุกเข้ามาเพิ่มเติม และพวกเขาจะยื่นข้อเสนอครั้งที่ 2 ให้กับ ริยาด มาห์เรซ แทน
ทีม “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประสบความล้มเหลวในการคว้าตัวเขา เมื่อเดือนมกราคมหลังถูกปฏิเสธจ่ายเงิน 95 ล้านปอนด์ตามที่ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ เรียกร้อง
“จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ปฏิเสธเงิน 60 ล้านปอนด์ และท้ายที่สุดนักเตะก็ต้องอยู่ในถิ่นคิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยมต่อไป
จนกระทั่ง ตัวของ ริยาด มาห์เรซ เองก็อยากย้ายทีมเป็นอย่างมาก และได้รับการคาดหมายว่าเขาจะผลักดันการย้ายออกจากสโมสรอีกครั้ง เมื่อตลาดซื้อขายเปิดตัวขึ้น
ที่มา : Buaksib
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
อาร์แซน เวนเกอร์ เทรนเนอร์ ”ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล พาทีมเข้ารอบนี้ หลังเอาชนะเอซี มิลาน ด้วยประตูรวม 5-1 ก่อนอัด สโต๊ค ซิตี้ 3-0 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการชนะ 4 นัดติด
สภาพทีมเกมนี้ เวนเกอร์ยังชวดใช้งาน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่ติดคัพไทรายเดียว ส่วน แดนนี่ เวลเบ็ค มีอาการเจ็บหลังรบกวน ต้องรอทดสอบความฟิต
แต่คาดว่าในรายของ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, กรานิต ชาคา และ เฮนริค มคิทาร์ยาน น่าจะได้กลับมาเป็นตัวจริงตามปกติ รวมไปถึง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ที่หายเจ็บแล้ว
แนวรุกนั้นจะใช้งาน เมซุต โอซิล และ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ เป็นแกนหลักของทีม
ด้าน วิคเตอร์ กอนชาเรนโก้ เทรนเนอร์ซีเอสเคเอ มอสโก พาทีมเข้ารอบนี้ จากการเอาชนะโอลิมปิก ลียง ด้วยกฎประตูทีมเยือน หลังเสมอกัน 3-3 ก่อนเบียดชนะรอสตอฟ 2-1 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการชนะ 4 นัดติดเช่นกัน
สภาพทีมเกมนี้คาชาเรนโก้จะไม่มี คิริล นาบาบคิน ที่ติดโทษแบน รวมไปถึง วิคเตอร์ วาซิน และ มาริโอ แฟร์นันเดส ที่เจ็บอยู่ก่อนแล้ว
นอกจากนั้นไม่มีปัญหา แกนหลักประจำทีม อาทิ เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช, อลัน ชาโกเยฟ, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน และ อาห์เหม็ด มูซ่า ต่างพร้อมช่วยทีมเหมือนเดิม
อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : ดาวิด ออสปิน่า – เอคตอร์ เบเยริน, ชโคดราน มุสตาฟี่, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, อิ๊กนาซิโอ มอนเรอัล – อารอน แรมซี่ย์, กรานิต ชาคา – เฮนริค มคิทาร์ยาน, แจ็ค วิลเชียร์, เมซุต โอซิล – อเล็กซองด์ ลากาแซตต์
ซีเอสเคเอ มอสโก (3-1-4-2) : อิกอร์ อากินเฟเยฟ – วาซิลี่ เบเรซุตสกี้, เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช, อเล็กเซ เบเรซุตสกี้ – บิบราส นัตโช่ – คอนสแตนติน คูชาเยฟ, อลัน ชาโกเยฟ, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, จอร์จี้ มิลานอฟ – อาห์เหม็ด มูซ่า, ปอนตุส เวิร์นบลูม
ผู้ตัดสิน : พาเวล คราโลเว็ช (เช็ก)
สนาม : รัวซง ปาร์ก
แรนส์ ทีมอันดับ 6 เปิด รัวซง ปาร์ก แคว้นเบรอตาญ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ รับการมาเยือนของ อาแอส โมนาโก แชมป์เก่าและทีมรองจ่าฝูง ในลีก เอิง ฝรั่งเศส เกมตกค้างจากนัดที่ 31
ซาบรี้ ลามูชี่ เทรนเนอร์แรนส์วัย 46 ปี ได้ ลูโดวิซ บาล แบ็กซ้ายหายเจ็บที่ไหล่ กลับมาลงสนาม วาห์บี คาซรี่ เป็นดาวยิงตัวหลัก
ส่วน เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสของโมนาโกวัย 43 ปี ขาดชูเอา มูตินโญ่ กองกลางทีมชาติโปรตุเกสบาดเจ็บ เขาส่ง สเตวาน โยเวติช ยืนกองหน้าคู่กับ ราดาเมล ฟัลเกา กัปตันทีม
ก่อนเกมเริ่มต้น นักเตะทั้งสองทีมพร้อมแฟนบอลในสนามได้ยืนสงบนิ่ง และร่วมกันปรบมือเป็นเวลา 1 นาที เพื่อไว้อาลัยให้กับ พันโท อาร์กโนด์ แบลทรัม นายตำรวจที่ขอแลกตัวเองเป็นตัวประกันแทนผู้หญิงคนหนึ่ง จนตัวเขาเสียชีวิตในวัย 44 ปี จากเหตุก่อการร้ายในซูเปอร์มาร์เก็ต Super U ที่เมืองแทร็บส์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา
เกมครึ่งแรก นาที 19 แรนส์นำ 1-0 จากการเล่นลูกเตะมุมเร็วทางฝั่งขวา ซานยิน เปร์ซิช โยนบอลไปที่เสาสอง โฌริล ญาญง เซนเตอร์แบ็กไอวอรี่ โคสต์วัย 21 ปี ซัดเท้าซ้ายระยะเผาขนเรียบร้อย เป็นประตูที่ 2 ของเขาในลีก เอิง ฤดูกาลนี้
นาที 28 เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูเพิ่ม วาห์บี คาซรี่ แย่งบอลไปจากเท้าของ ฟาบินโญ่ ก่อนซัลโวระยะ 25 หลา ทางฝั่งซ้าย ดานิเยล ซูบาซิช นายทวารโมนาโก ปัดบอลด้วยมือขวาออกเส้นหลังไปอย่างหวุดหวิด
แต่แล้วนาทีต่อมา โมนาโก ตีเสมอ 1-1 ฟาบินโญ่ ผ่านบอลจากฝั่งซ้ายเข้ากลางให้ ราดาเมล ฟัลเกา กัปตันทีมเปิดต่อไปเข้าทาง โรนี่ โลเปส ยิงเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวาเข้าประตู
นาที 36 เจมส์ เลอา-ซิลิกี้ กองหน้าแรนส์ ผ่านบอลให้ วาห์บี คาซรี่ ยิงในกรอบเขตโทษฝั่งขวาติด ซูบาซิช ออกมาบล็อคได้อย่างยอดเยี่ยม
นาที 43 เจ้าถิ่นได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา แบ็งฌาแมง บูริโชด์ โยนบอลไปที่เสาสอง แบ็งฌาแม็ง อองเดร ขึ้นโหม่งชนเสาซ้ายอย่างจัง
ในครึ่งหลัง เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม กุนซือโมนาโกเปลี่ยนเอา สเตวาน โยเวติช กองหน้ามอนเตเนโกร ออกจากสนาม เนื่องจากบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และส่ง อดาม่า ดิยากาบี้ หัวหอกวัย 21 ปี ลงเล่นแทนนาที 48
จากนั้น แรนส์ มีโอกาสลุ้นทำประตูหลายครั้ง นาที 80 โรแม็ง ด็องเซ่ กัปตันทีมโยนจากปีกขวาไปที่เสาแรก อิสไมล่า ซาร์ หวดด้วยขวาข้ามคาน
สี่นาทีต่อมา ดานิเยล ซูบาซิช ผู้รักษาประตูโมนาโก ช่วยเซฟไม่ให้ทีมเสียประตู เมื่อปัดลูกยิงเท้าขวาระยะ 20 หลาของ บูริโชด์ ได้อย่างยอดเยี่ยม
แรนส์ : โทมัส คูเบ็ค – โรแม็ง ด็องเซ่ (กัปตันทีม), เฌเรมี่ เฌแล็ง, โฌริส ญาญง, ลูโดวิซ บาล – แบ็งฌาแม็ง บูริโชด์, แบ็งฌาแม็ง อองเดร, ซานยิน เปร์ซิช, อิสไมล่า ซาร์ – วาห์บี คาซรี่, เจมส์ เลอา-ซิลิกี้
สำรอง : อับดูลาย ดิยัลโล่ (ผู้รักษาประตู) เมห์ดี้ เซฟฟาน, รามี่ เบนเซอไบนี่, อาเดรียง อูนู, โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์, มอร์กกาน อมาลฟิตาโน่, เดียฟรา ซาโก้
โมนาโก : ดานิเยล ซูบาซิช – ฌิบริล ซิดิเบ้, คามิล กลิค, เชแมร์ซอน, อันเดรีย ร้าจจี้ – โรนี่ โลเปส, เควิน เอ็นโดราม, ฟาบินโญ่, โตมาส์ เลอมาร์ – สเตวาน โยเวติช, ราดาเมล ฟัลเกา (กัปตันทีม)
สำรอง : เซย์ดู ซี (ผู้รักษาประตู), จอร์จ, อัลมามี่ ตูเร่, ราชิด เกซซาล, ยูริ ตีเลอมันส์, กาเบรียล บอสชิเลีย, อดาม่า ดิยากาบี้
ผู้ตัดสิน : อาโมรี่ เดอเลอรู
กระทั่ง “หมาป่ากรุงโรม” อาแอส โรม่า ทำเข้าประตูตัวเองสองลูกก่อน เคราด์ ปิเก้ มายิงให้ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ทิ้งห่าง แต่ก่อนหมดเวลา 10 นาที เอดิน เซโก้ ปลุกความหวังของทีมหม่าป่ากรุงโรม
จากนั้น หลุยส์ ซัวเรซ มายิงในช่วงท้ายเกม ทำให้ลูกทีมของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กุมความได้เปรียบจากสกอร์นัดแรกเอาไว้ถึงสามลูก
“ตอนนี้มีงานต้องทำอีก เพราะเรารู้ว่าจะมีความกดดันมากมายในอิตาลี”
“เรานั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อม เราต้องลืมเกมแรกไป และเล่นให้เหมือนเกมแรก หรือถ้าเป็นไปได้ก็ต้องเล่นให้ดีกว่าด้วย”
“ตอนนี้เราก็อยู่ในรอบก่อนรองชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เราต้องแข่งขันกับทีมใหญ่ เอแอส โรม่า คือหนึ่งในนั้น”
ที่มา : Buaksib
บาร์เซโลน่า จ่าฝูงลา ลีกา สเปน เปิด คัมป์ นู ปะทะ โรม่า อันดับ 3 กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก
เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์บาร์ซ่าได้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กองกลางและ เคราร์ด ปีเก้ เซนเตอร์แบ็กหายเจ็บหัวเข่าลงสนาม ขณะที่ ลีโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่าหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ลงล่าตาข่ายร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงอุรุกวัย
ส่วน ยูเซปิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ กุนซือโรม่าได้ ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ มิดฟิลด์หายเจ็บน่อง ลงสนามเคียงข้าง ดานิเอเล่ เด รอสซี่ และ เควิน สตรอทมัน
เกมครึ่งแรก ผ่านไป 7 นาที อันเดรส อิเนียสต้า กัปตันทีมบาร์ซ่าผ่านบอลให้ หลุยส์ ซัวเรซ ตะบันเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ตุงตาข่าย แต่ ดานนี่ มัคเคลเล่ ผู้ตัดสินฮอลแลนด์ ไม่ให้ บาร์เซโลน่า ได้ประตู โดยเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้า
นาที 11 ลีโอเนล เมสซี่ ดาวเตะเจ้าถิ่นสบโอกาสยิงเท้าซ้ายระยะไกล 25 หลาติด อลิสซอน เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม
เจ็ดนาทีต่อมา อีวาน ราคิติช ได้ยิงเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งชนเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า นาที 31 อิเนียสต้า ซัลโวเท้าซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษข้ามคาน
นาที 38 อันเดรส อิเนียสต้า ผ่านบอลหน้ากรอบเขตโทษ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ มิดฟิลด์ กัปตันทีมโรม่า สกัดบอลเข้าประตูตัวเอง บาร์ซ่านำ 1-0
จบครึ่งแรก บาร์เซโลน่านำ 1-0
ครึ่งหลัง นาที 49 บรูโน่ เปเรส แบ็กขวาโรม่าจ่ายบอลไปเข้าทาง อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ ยิงเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งขวา เข้าข้างตาข่าย
และนาที 55 อีวาน ราคิติช เปิดจากปีกขวาไปหน้าประตู คอสตาส มาโนลาส เซนเตอร์แบ็กโรม่าสกัดเข้าประตูตัวเอง บาร์เซโลน่า ส้มหล่นอีกครั้งนำห่าง 2-0
สามนาทีต่อมา บาร์ซ่า หนีไปอีกเป็น 3-0 เมสซี่ เปิดให้ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายติด อลิสซอน ปัดบอลไม่พ้นอันตราย เคราร์ด ปีเก้ แปเท้าขวาจ่อๆ หน้าประตูเข้าไป
ทางด้านทีมเยือนได้ลุ้นในจังหวะที่ ดีเอโก้ เปร็อตติ ทำชิ่งให้ เควิน สตรอทมัน ซัดเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายไปติดบล็อคของเจ้าถิ่นนาที 75
โรม่า บุกอย่างต่อเนื่อง จนมาตีไข่แตก ไล่ตามหลังมาที่สกอร์ 1-3 นาที 80 ดีเอโก้ เปร็อตติ จ่ายบอลแม่นยำให้ เอดิน เชโก้ จับบอลและล้มตัวยิงเท้าซ้ายตุงตาข่าย
แต่อีก 7 นาที ต่อมา “เจ้าบุญทุ่ม” มาได้ประตูนำห่างเป็น 4-1 จากความเด็ดขาดของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ซัดเข้าไป
จบเกม บาร์เซโลน่า ชนะ โรม่า 4-1 โดยทั้งสองทีมจะพบกันอีกครั้งในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ที่ สนามของ โรม่า ในสตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม ประเทศ อิตาลี คืนวันอังคารที่ 10 เมษายน
บาร์เซโลน่า : มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น – เนลสัน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้, จอร์ดี้ อัลบา – เซร์จี้ โรเบร์โต้, อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า (กัปตันทีม) – ลีโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ
สำรอง : ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น (ผู้รักษาประตู), เดนิส ซัวเรซ, อุสมาน เดมเบเล่, เปาลินดญ่, ปาโก้ อัลกาเซร์, อันเดร โกเมส, โธมัส แฟร์มาเล่น
โรม่า : อลิสซอน – บรูโน่ เปเรส, เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, คอสตาส มาโนลาส, อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ – ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ (กัปตันทีม), เควิน สตรอทมัน – อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, เอดิน เชโก้, ดีเอโก้ เปร็อตติ
สำรอง : ลูคัสซ์ สโครุปสกี้ (ผู้รักษประตู), ฮวน เชซุส, ปาทริค ชิค, มักซีม โกนาลงส์, เกรกัวร์ เดเฟรล, แชร์ซอน, สเตฟาน เอล ชาราวี
ผู้ตัดสิน: ดานนี่ มัคเคลเล่ (ฮอลแลนด์)