สนาม : สต๊าด แซงต์-แซงโฟเรียง
แอฟเซ เม็ตซ์ ทีมบ๊วย เปิด สต๊าด แซงต์-แซงโฟเรียง พบ โอลิมปิก ลียง
เฟรเดริก อ็องต์ซ เทรนเนอร์เม็ตซ์ วัย 51 ปี ได้ ฌูลิยัน ปัลมิเอรี่ แบ็กซ้ายพ้นโทษแบนยาว 3 นัด กลับมาลงสนาม แต่ทีมขาด วาฮิด เซลิโมวิช เซนเตอร์แบ็กเซอร์เบียวัย 20 ปี ติดโทษแบน 1 นัด
บรูโน่ เชเนซิโอ เทรนเนอร์ลียงวัย 51 ปี ส่ง แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่ กับ เมมฟิส เดอปาย ยืนกองหน้าคู่กัน
ก่อนเกมเริ่มต้น นักเตะทั้งสองทีมต่างยืนสงบนิ่ง 1 นาที ไว้อาลัยให้กับ ซ็อมบา ดิย็อป กองหลังวัย 18 ปี จากทีมสำรองของเลอ อาฟร์ ที่เสียชีวิต เมื่อคืนวันศุกร์ 6 เมษายนที่ผ่านมา
เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 53 วินาที ลียง นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว เมมฟิส เดอปาย เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวาไปที่เสาสอง มาร์เซโล่ เซนเตอร์แบ็กบราซิลวัย 30 ปี ขึ้นโหม่งกดบอลลงพื้นเข้าประตู
นาที 20 ลียงนำห่าง 2-0 เดอปาย เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายไปที่เสาสอง มาร์เซโล่ โขกเผาขนเรียบร้อย นับเป็นประตูที่สองของเขาในนัดนี้ ซึ่งมาจากลูกโหม่งทั้งสองประตู
จบครึ่งแรก ลียงนำห่าง 2-0
มาถึงครึ่งหลัง นาที 65 แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่ จ่ายเร็วทางริมเส้นฝั่งขวาให้ ต็องกีย์ เอ็นดงเบเล่ เปิดต่อไปที่ เมมฟิส เดอปายซัดเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวาตุงตาข่าย ลียงนำห่าง 3-0 เป็นประตูที่ 13 ของเขาในลีก เอิง ฤดูกาลนี้
เม็ตซ์ สู้ไม่ได้เลยในนัดนี้ และแล้วนาที 68 ลียง หนีไปอีกเป็น 4-0 เดอปาย เลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย จ่ายต่อให้ แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่ หวดด้วยซ้ายเข้าประตูนับเป็นลูกที่ 8 ของเขาในลีก ซีซั่นนี้
ท้ายเกม นาที 85 “โอแอล” นำห่าง 5-0 อามีน ชุยรี่ หัวหอกวัย 18 ปี ตัวสำรองกดดันจน จอร์จส์ ม็องด์เช็ก กองกลางเม็ตซ์เสียบอล และเป็น เดอปาย ได้บอล ผ่านต่อไปที่ มาเรียโน่ ดิอาซ กองหน้าตัวสำรองยิงเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายเข้าประตู เป็นลูกที่ 17 ของเขาในลีก ฤดูกาลนี้
จบเกม โอลิมปิก ลียง บุกมาต้อน แอฟเซ เม็ตซ์ ขาดลอย 5-0
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เม็ตซ์ : เออิจิ คาวาชิม่า – อีบัน บัลลิญู, ฟัลลู ดิยาญ, มุสซา เนียกาเต้, ฌูลิยัน ปัลมิเอรี่ – จอร์จส์ ม็องด์เช็ก, เรอโนด์ โกอ๊าด (กัปตันทีม) – ฟลอร็องต์ โมลเล่ต์ – มัตติเยอ ดอสเซวี่, เอ็มมานูเอล ริวิแยร์, โนล็อง รูซ์
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ก็องแต็ง เบอนาร์กโด (ผู้รักษาประตู), โชนาต็อง ริวีเรซ, เคโรนิโม โปเบลเต้, ดานิเยล มิลิเซวิช, ฟาริด บูลาย่า, อิบราอิา นิอาน, โอปา เอ็นแก็ตต์
โอลิมปิก ลียง : แอนโธนี่ โลเปส (กัปตันทีม) – ราฟาเอล, มาร์เซโล่, เฌเรมี่ โมแรล, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – ลูก้าส์ ตูซาร์ – ต็องกีย์ เอ็นดงเบเล่, อุสเซม อาอูอาร์, จอร์ดาน แฟร์รี่ – แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่, เมมฟิส เดอปาย
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : มาติเยอ กอร์ชแล็ง (ผู้รักษาประตู), มุคตาร์ ดิยากาบี้, แฟร์นานโด มาร์ซาล, เคนนี่ เตเต้, เช็กห์ ดิย็อป, มาเรียโน่ ดิอาซ, อามีน ชุยรี่
ผู้ตัดสิน : อองโตนี่ โกติเย่ร์
ที่มา : Siamsport
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ลอนดอน)
อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้ ติโบ กูร์กตัวส์ ฟิตกลับมาเฝ้าเสา แนวรุกวาง วิลเลี่ยน, อัลบาโร่ โมราต้า และ เอแด็น อาซาร์ คอยเข้าทำประตู ฟาก เดวิด มอยส์ นายใหญ่ “ขุนค้อน” ที่มีแข้งเจ็บเยอะ มาในระบบ 3-4-3 วาง มาร์โค อาร์เนาโตวิช รับบทหน้าเป้า
เปิดฉากมาเจ้าบ้านทักทายก่อน อัลบาโร่ โมราต้า โหม่งชงมาให้ เอแด็น อาซาร์ เก็บบอลลงมาแต่งหาช่องซัดห้าเขตโทษหลุดออกหลังไม่เยอะ
นาที 21 แชมป์เก่าได้เสียวจากลูกเตะมุม วิลเลี่ยน เปิดบอลมาจุดนัดพบถึง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า สอดขึ้นมาโหม่งบอลโด่งข้ามคานไม่ถึงคืบ
เชลซี ครองเกมบุกกดดันใส่ตลอด เอแอด็น อาซาร์ แทงบอลหลุดเข้าเขตโทษ อัลบาโร่ โมราต้า ตวัดยิงด้วยซ้ายหลุดกรอบน่าเสียดาย
นาที 35 สิงโตน้ำเงินคราม พลาดโอกาสขึ้นนำน่าเสียดาย จากจังหวะต่อบอลกันสวยหลุดไปถึง วิลเลี่ยน ได้ดวลเดี่ยวกับ โจ ฮาร์ท แต่กลับยิงไปติดเซฟ ฮาร์ท ผวาปัดออกหลังไปได้
อย่างไรก็ตามนาทีต่อมาจากลูกเตะมุม เชลซี ได้ประตูปลดล็อกออกนำ 1-0 จากลูกเตะมุมเปิดเข้ามาแล้วบอลชุลมุนสกัดกันไม่ขาด โมราต้า โขกชงให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เกี่ยวเอาบอลลแล้วดีดผ่านมือ ฮาร์ท เข้าไป จบครึ่งแรก เชลซี ออกนำ เวสต์แฮม 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลังเจ้าบ้านยังปูพรมบุกหนัก วิลเลี่ยน เปิดลูกเตะมุมมาจุดนัดพบ อัลบาโร่ โมราต้า เทกขึ้นโหม่งบอลเหินข้ามคาน
นาที 69 สิงโตน้ำเงินคราม ลุยมาอีกหน บอลทะลักหลุดมาทางขวา วิลเลี่ยน ตามไปเก็บบอลไหลคืนให้ วิคเตอร์ โมเสส วิ่งมาแปบอลโด่งข้ามคาน
หลังบุกเป็นชุดแล้วยิงเพิ่มไม่ได้ กระทั่งนาที 73 เวสต์แฮม มาตามตีเสมอ 1-1 จากบอลโด่งเข้าเขตโทษ แกรี่ เคฮิลล์ โหม่งสกัดออกมาเข้าทาง มาร์โค อาร์เนาโตวิช เก็บบอลไหลคืนให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ “ชิชาริโต้” ตัวสำรองยิงยัดเสียบเสาแรกเด็ดขาด
เจ้าบ้านพยายามตั้งเกมบุกใหม่อีกครั้ง วิลเลี่ยน ผ่านบอลออกทางซ้าย มาร์กอส อลอนโซ่ เติมขึ้นมาซัดเน้นๆไม่ผ่านมือ โจ ฮาร์ท ทุบทิ้งออกไปได้
ช่วงท้ายเกมรูปเกมเปิดทั้งสองฝ่ายต่างมีโอกาสได้ประตูเพิ่มแต่สุดท้ายไม่มีอะไรเพิ่มเติมเกิดขึ้น จบเกม เชลซี ทำได้แค่เสมอ เวสต์แฮม 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม และทำให้ เชลซี มี 57 แต้ม ตามหลังอันดับสี่ สเปอร์ส และอันดับ 3 ลิเวอร์พูล ถึง 10 แต้ม โอกาสไป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แทบหมดลงแล้ว
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เชลซี : ติโบ กูร์กตัวส์, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, แกรี่ เคฮิลล์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, วิคเตอร์ โมเสส (เปโดร โรดรีเกซ น.78), เชสก์ ฟาเบรกาส, เอ็นโคโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ , วิลเลี่ยน, อัลบาโร่ โมราต้า (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.78), เอแด็น อาซาร์
สำรองไม่ได้ใช้ : วิลลี่ กาบาเยโร่, , แดนนี่ ดริงก์วอเตอร์, ตีเยมูเอ้ บากาโยโก้,, อันเดรส คริสเตนเซ่น
เวสต์แฮม : โจ ฮาร์ท, เดแคลนไรซ์, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, แอรอน เครสเวลล์ (ปาทริซ เอวร่า น.64), ปาโบล ซาบาเลต้า, ชีกู คูยาเต้, มาร์ค โนเบิ้ล, อาร์เธอร์ มาซูอากู, เอดิมิลสัน เฟร์นานเดส (ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ “ชิชาริโต้” น.70), ชูเอา มาริโอ (จอช คัลเลน น.85), มาร์โค อาร์เนาโตวิช
สำรองไม่ได้ใช้ : อาเดรียน, จอช พาสค์ ,เกรดี้ ดิอากาน่า, จอร์แดน ฮูกิล
ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์
ที่มา : Siamsport
โดยก่อนเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่้สนามเอติฮัด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา กวาร์ดิโอล่า ได้ออหมาเปิดเผยว่า มิโน่ ไรโอล่า คว้าตัวมิดฟิลด์ที่มชาติฝรั่งเศสไปร่วมทีม ให้ได้
ทั้งนี้ โจเซ่ มูริญโญ่ ได้กล่าวหลังเกมว่าตัวเขานั้นไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้ มูริญโญ่ กล่าวว่า “ผมไม่ได้คิดถึงมันด้วยซ้ำ กวาร์ดิโอล่ากับมิโน่นั้นเราก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ดีอะไร”
“มันเป็นเรื่องปกติที่บางครั้งพวกเขาจะเอ่ยถึงกัน แต่ผมไม่ได้กังวลกับมันเลย ผมไม่ได้ผิดหวังกับเรื่องนี้ และไม่ได้พูดกับปอลด้วย”
“ผมไม่ได้โทรหามิโน่เพื่อถามอะไรเลย ผมแค่โฟกัสในเกมและผมคิดว่าปอลเองก็เหมือนกัน เพราะการที่เขาจะเล่นได้อย่างในวันนี้นั้นเขาต้องมีโฟกัสในเกม”
และ มูริญโญ่ กล่าวเสริมอีกว่า ต้องมีใครซักคนที่โกหกในสองคนนนั้น โดย มูริญโญ่ กล่าวว่า “กวาร์ดิโอล่าพูดแบบนั้น ส่วนเอเยนต์ปฏิเสธ แบบนี้ต้องมีใครสักคนที่พูดความจริงและอีกคนก็โกหก”
“บอกตามตรงผมไม่ได้สนใจที่จะรู้ว่าใครโกหกใครพูดจริง ผมไม่สนใจเลยนะ เอาจริงๆ” มูริญโญ่ ทิ้งท้าย
สนาม : ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค
ดอร์ทมุนด์ลงเตะในบ้านรับแข้งสตุ๊ตการ์ท เจ้าถิ่นส่งมาร์โค รอยส์, มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์ และ มิชี่ บาตชูอายี่ เป็น 3 ประสานแดนหน้า ส่วนม้าขาว นำมาโดยคู่หอกมาริโอ โกเมซ และ ดาเนียล กินเช็ค
ทีมเยือนได้ลุ้นก่อนนาที 26 จากฟรีคิกที่เดนนิส อาโอโก้ เปิดมาให้มาริโอ โกเมซ โหม่งหลุดกรอบไปแบบได้ลุ้น
แต่แล้วในนาทีที่38 แฟนเจ้าถิ่นได้เฮกันลั่น จากการประสานงานของ ลูคัส พิสซ์เช็ค ไหลบอลมาให้ คริสเตียน พูลิซิช ยิงด้วยขวา บอลพุ่งเสียบมุมแคบเข้าไป ให้ดอร์ทมุนด์ ขึ้นนำก่อน 1-0
ช่วงท้ายครึ่งแรก แม้เจ้าถิ่นยังครองเกมได้มากกว่า แต่ยังเจ้าประตูเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์ จึงยังนำ 1-0
เริ่มครึ่งหลังมา ในนาทีที่48 ดอร์ทมุนด์ ก็มาหนีไปเป็น 2-0 จนได้ เมื่อ นูริ ซาฮิน เปิดบอลมาให้ มิชี่ บัตชูอายี่ ยิงด้วยซ้าย ส่งบอลตุงตาข่าย เข้าไปอย่างหมดจด
จากนั้นนาที 59 เจ้าถิ่นหนีไปไกล 3-0 มักซิมิเลียน ฟิลลิปป์ ได้ยิงเสียบมุมแคบเข้าไป ช่วงเวลาที่เหลือก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมดอร์ทมุนด์ถล่มสตุ๊ตการ์ทขาดลอย 3-0
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ดอร์ทมุนด์ : โรมัน เบือร์กี้, ลูคัส พิสซ์เช็ค, โอเมอร์ โทพรัค, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, มาร์เซล ชเมลเซอร์, มาห์มูด ดาห์อูด, นูริ ซาฮิน, คริสเตียน พูลิซิช, มาร์โค รอยส์, มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์, มิชี่ บาตชูอายี่
สตุ๊ตการ์ท : รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์, อันเดรียส เบ็ค, เบนฌาแม็ง ปาวาร์, โฮลเกอร์ บาดชตูเบอร์, เอมิลิอาโน่ อินซูอา, เดนนิส อาโอโก้, ซานติอาโก้ อัสกาซิบาร์, คริสเตียน เกนท์เนอร์, เอริก ธอมมี่, มาริโอ โกเมซ, ดาเนียล กินเช็ค
ผู้ตัดสิน : พาทริค อิททริช
ที่มา : Siamsport
แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษวัย 24 ปี ฟอร์มการเล่นดีต่อเนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมา ฤดูกาลนี้ซัดไปแล้ว 24 ประตูตามหลัง ซาล่าห์ 5 ประตูขณะที่เหลืออีกเพียง 6 เกมสุดท้ายเท่านั้น แต่จากการที่ปีกทีมลิเวอร์พูลดันมีอาการบาดเจ็บรบกวนทำให้ เคน เริ่มมีความหวัง
“ผมยังเชื่อว่าผมสามารถแซงได้ในภายหลัง แต่ผมคงโฟกัสที่เกมของผม เพราะผมไม่สามารถคอนโทรลในสิ่งที่ ซาล่าห์ ทำได้อยู่แล้ว ”
“ยังเหลืออีกตั้งหลายเกมอยู่นะ เราต้องมาลุ้นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภาคภาคหน้า ไม่มีใครสามารถทำนายล่วงหน้าได้หรอก ไม่แน่หรอก บางทีมันอาจพลิกผันก็เป็นได้นะ”
“แน่นอนในฐานะกองหน้า มันจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ต่อการคว้ารางวัลสตั๊ดทองคำได้อีกครั้ง ผมจะก้มหน้าก้มตาทุ่มเทอย่างหนักนับจากนี้ไปจนจบฤดูกาล จากนั้นค่อยมาดูผลลัพธ์อีกที”
“ไมเคิ่ล คาร์ริค เปิดวีดีโอให้ผมดู ซึ่งช่วยผมได้มากสำหรับประตูตีเสมอ” ป็อกบา เผยกับทาง สกาย สปอร์ตส์ “ทุกครั้งหลังจากซ้อม หรือหลังเกม เขาจะคุยกับผม และชี้เป้าว่าให้ทำแบบนั้น ทำแบบนี้”
“เขาบอกว่า นายคือมือสังหาร นายทำได้ เพราะไม่มีใครจะหยุดนายได้ มันยากที่จะวิ่งเติมขึ้นสูงหากเล่นมิดฟิลด์คู่ แต่เรามีกองกลางสามคน ผมจึงสามารถเติมขึ้นไปได้”
“ผมรู้ว่า ซิตี้ ชอบบุก เราเลยเติมขึ้นสูง ผมรู้ว่า อเล็กซิส ซานเชซ ได้บอลแล้วชอบเปิด ผมเห็นพื้นที่ เลยพุ่งเข้าไป โชคดีที่ผมอยู่ตรงนั้น”
ที่มา : Siamsport
ซึ่งการยื่นซื้อครั้งนี้นั้นเป็นผลมาจาก มานูเอล นอยเออร์ บาดเจ็บกระดูกเท้าแตกจากเกมที่พบกับ เรอัล มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่เดือนเมษายนปีที่แล้ว และ ยังไม่การันตีว่าจะกลับมาได้ตอนไหน
ทั้งนี้สื่อชื่อดังอย่าง ไดอาริโอ โกล ตีข่าวว่า คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิเก้ ประธานสโมสร บาเยิร์น มิวนิค มองการไกล และได้วางตัว มาร์ค อันเดร แตร์ สเตเก้น เป็นตัวเลือกแรก
และพร้อมที่จะทำการซื้อขายประวัติศาสตร์ผู้รักษาประตูที่แพงที่สุดในโลกด้วยค่าฉีกสัญญาสูงถึง 100 ล้านยูโร
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี อยู่ในความกดดันหลังจากพาทีมแพ้ สเปอร์ส 1-3 เมื่อสัปดาห์ก่อน นั่นทำให้พวกเขาแพ้ในลีกเป็นนัดที่ 3 จาก 4 เกมล่าสุด
เกมนี้เจ้าถิ่นมีข่าวดีเมื่อ ติโบต์ กูร์กตัวส์ โกลทีมชาติเบลเยียม ที่มีอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าก่อนหน้านี้หายแล้ว และมีโอกาสที่จะคัมแบ็กนัดนี้ได้เลย
เปโดร ตัวรุกทีมชาติสเปน เป็นอีกคนที่มีโอกาสลงเล่นในเกมนี้ เนื่องจากอาการเจ็บก่อนหน้านี้เล็กน้อยเท่านั้น
ทว่า ดาวิด ลุยซ์ (ข้อเท้า) และ เอธาน อัมปาดู (ข้อเท้า) ยังไม่สามารถจะรับใช้ทีมในนัดนี้ได้อย่างแน่นอน
เดวิด มอยส์ กุนซือทีม “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พาทีมเข้าวินเหนือเซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 เกมก่อนทำให้หายใจหายคอคล่องขึ้นเยอะ พวกเขาเริ่มต้นสัปดาห์นี้ด้วยการอยู่เหนือโซนตกชั้น 5 แต้มด้วยกัน
เกมนี้เดอะ แฮมเมอร์ส จะขาดมิดฟิลด์ตัวรุกคนสำคัญอย่าง มานูเอล ลันซินี่ อย่างแน่นอน เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่เข่า
เจมส์ คอลลินส์ กองหลังพันธุ์ดุ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่น่าจะลงเล่นได้เนื่องจากเดี้ยงที่เอ็นหลังหัวเข่า
ในรายของ มิคาอิล อันโตนิโอ นั้นหนัก อารบาดเจ็บของเขายืนยันแล้วว่าต้องพักทั้งซีซั่นนี้เลยทีเดียว แต่ยังดีหน่อยที่ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ”ชิชาริโต้” หายป่วยและพร้อมกลับมาเป็นตัวเลือกอีกครั้ง
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง
เชลซี (3-4-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ – วิคเตอร์ โมเสส, เชส ฟาเบรกาส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ – วิลเลี่ยน, อัลบาโร่ โมราต้า, เอแด็น อาซาร์
ผู้จัดการทีม : อันโตนิโอ คอนเต้
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (3-4-2-1) : โจ ฮาร์ท – เดแคลน ไรซ์, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, อารอน เครสส์เวลล์ – ปาโบล ซาบาเลต้า, ชีกู กูยาเต้, มาร์ค โนเบิล, อาร์กตูร์ มาซูอากู – เอดิมิลสัน เฟร์นานเดส, เจา มาริโอ – มาร์โค อาร์เนาโตวิช
ผู้จัดการทีม : เดวิด มอยส์
ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ถึง 8 จาก 9 นัดเยือนหลังสุดของเวสต์แฮมในพรีเมียร์ลีก
– เชลซีไม่แพ้เลยตลอด 12 นัดเหย้าหลังสุดที่พบเวสต์แฮมรวมทุกรายการ
– เวสต์แฮมจะเสียอย่างน้อย 3 ประตูตลอด 3 นัดเยือนหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ถึง 7 จาก 8 นัดหลังสุดของเชลซีในพรีเมียร์ลีก
– เวสต์แฮมแพ้มาตลอด 3 นัดเยือนหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– เชลซีจะยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูถึง 6 จาก 7 นัดเหย้าหลังสุดที่พบเวสต์แฮมรวมทุกรายการ
ที่มา : Siamsport
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ ”ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล พาทีมอัดสโต๊ค ซิตี้ 3-0 ในเกมลีกล่าสุด ก่อนถล่มซีเอสเคเอ มอสโก 4-1 ในเกมยุโรป เป็นการชนะ 5 นัดติด
สภาพทีมเกมนี้ เวนเกอร์จะได้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กลับมาเสริม หลังติดคัพไทในเกมยุโรป แต่ก็ต้องแลกด้วย เฮนริค มคิทาร์ยาน ที่เจ็บเข่าเพิ่ม รวมไปถึง ดาวิด ออสปิน่า ประตูสำรอง ที่เจ็บข้อเท้าตอนซ้อม
มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือเซาธ์แฮมป์ตัน พาทีมแพ้เวสต์แฮม 0-3 ในเกมล่าสุด เป็นการแพ้นัดที่ 2 ในรอบ 5 เกม
สภาพทีมเกมนี้ ”สปาร์กี้” ต้องลุ้นความพร้อมของ มาริโอ เลอมิน่า กองกลางตัวสำคัญ ที่ป่วยและเพิ่งกลับมาซ้อมได้เมื่อวันศุกร์ นอกจากนั้นไม่มีปัญหาอะไร
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง
อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : ปีเตอร์ เช็ก – เอคตอร์ เบเยริน, ชโคดราน มุสตาฟี่, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, อิ๊กนาซิโอ มอนเรอัล – อารอน แรมซี่ย์, กรานิต ชาคา – แดนนี่ เวลเบ็ค, แจ็ค วิลเชียร์, เมซุต โอซิล – ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
ผู้จัดการทีม : อาร์แซน เวนเกอร์
เซาธ์แฮมป์ตัน (4-4-2) : อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ – เซดริก โซอาเรส, แจ็ค สตีเฟ่นส์, เวสลี่ย์ ฮูดท์, ไรอัน เบอร์ทรานด์ – ดูซาน ทาดิช, มาริโอ เลอมิน่า, ปิแอร์ เอมิล-ฮอยเบิร์ก, เนธาน เร้ดมอนด์ – ชาร์ลี ออสติน, มาโนโล่ กับเบียดินี่
ผู้จัดการทีม : มาร์ค ฮิวจ์ส
ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ตลอด 7 นัดเหย้าหลังสุดของอาร์เซน่อลในพรีเมียร์ลีก
– อาร์เซน่อลไม่แพ้ถึง 21 จาก 23 นัดเหย้าหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– เซาธ์แฮมป์ตันไม่ชนะถึง 17 จาก 18 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– เซาธ์แฮมป์ตันยิงไม่ได้เลยตลอด 3 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– อาร์เซน่อลจะยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูถึง 6 จาก 7 นัดเหย้าหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
ที่มา : Siamsport
สนาม : กูดิสัน พาร์ค
เรือใบสีฟ้า จัดทัพแบบไร้หน้าเป้าอาชีพ อีกทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ โดนดร็อปก่อนเกม ชปล. กับ ลิเวอร์พูล ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมี ลีรอย ซาเน่, ราฮีม สเตอร์ลิง และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ทำเกมรุก ขณะที่บนม้านั่งสำรองได้ เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ฟิตกลับมา เกมนี้ หากว่า แมนฯ ซิตี้ ชนะได้ จะการันตีตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกทันที
ด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด มาเต็ม มีทั้ง ปอล ป็อกบา, อเล็กซิส ซานเชซ, โรเมลู ลูกากู แถมได้ อันเดร์ เอร์เรร่า หายเจ็บคืนตัวจริงทันที
แมนฯ ซิตี้ ครองบอลบุกใส่เพื่อนบ้าน น.6 ดาบิด ซิลบา ขึ้นเกมทางซ้ายแล้วตวัดเข้ากลาง แอชลี่ย์ ยัง ลื่นก่อนมือไปโดนบอล นักเตะเจ้าบ้านเรียกร้องจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร
แมนฯ ยูไนเต็ด ถอยลงไปตั้งรับแล้วรอจังหวะเหมาะสวนกลับ แต่เกือบโดนในน.20 จากความผิดพลาดในแนวรับ ยังดีที่ ดาบิด เด เคอา ใช้ขาบล็อกลูกยิงของ แบร์นาโด้ ซิลบา เอาไว้ได้
กระทั่ง น.25 เรือใบสีฟ้า ทะยานนำ 1-0 เมื่อได้ลูกเตะมุมทางซ้าย ลีรอย ซาเน่ เปิดเตะมุมโค้งมาให้ แว็งซ็องต์ ก็องปานี สลัดหนีตัวประกบแล้วเทกตัวโหม่งตุงตาข่าย
แมนฯ ซิตี้ ได้ใจ อีกแค่ 5 นาทีต่อมาหรือน.30 ก็หนีเป็น 2-0 เมื่อ สเตอร์ลิ่ง เปิดให้ อิลคาย กุนโดกัน หมุนตัวหลบประกบแล้วยิงเสียบเสาสองงดงาม ชนิดที่ เด เคอา หมดสิทธิ์ป้องกัน
แนวรับ ปีศาจแดง ระส่ำ หวิดโดนเพิ่มหลายครั้ง แต่สุดท้ายยังรอดได้ จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ นำ 2-0 โดยที่รูปเกมเหนือกว่าผู้มาเยือนทุกเหลี่ยมมุม
ครึ่งหลัง เรือใบสีฟ้า ยังดีกว่า น.51 สเตอร์ลิ่ง ดึงจังหวะแล้วไหลให้ กุนโดกัน สอดขึ้นมาแป ลูกลอยไปชนกรอบประตูอย่างน่าเสียดาย
แต่เข้าสู่น.53 แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ตีไข่แตกเป็น 2-1 เมื่อ อเล็กซิส เปิดจากขวาเข้าไปให้ เอร์เรร่า พักอกต่อให้ ป็อกบา ซัดเผาขนไม่เหลือซาก
จากนั้น แค่สองนาทีถัดมาหรือน.55 เสียงเชียร์แฟนผีกระหึ่ม เมื่อ อเล็กซิส บรรจงหยอดให้ ป็อกบา สอดขึ้นมาโขกเสียบตาข่ายชนิดที่กองเชียร์ซิตี้อึ้งทั้งสนาม ขยับสกอร์เท่ากัน 2-2
เกมสนุกเข้มข้น แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันอย่างมั่นใจขึ้น กล้าบุกกว่าเดิม เจสซี่ ลินการ์ด มีโอกาสส่องไกลส่งบอลถากเสาแบบได้ลุ้นเมื่อเกมผ่านมาถึงหนึ่งชั่วโมง ขณะที่ สเตอร์ลิ่ง โดนใบเหลืองจากการไปหยุด ลูกากู
น.69 ปีศาจแดง แซงนำเหลือเชื่อ 3-2 เมื่อได้ฟรีคิกด้านขวา อเล็กซิส เรียกได้ ก่อนลุกมาเปิดให้ คริส สมอลลิ่ง เติมขึ้นมาซัดโล่งๆ ทำเอากองเชียร์เจ้าถิ่นเงียบกริบ
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่ไม่ได้ ต้องส่ง กาเบรียล เชซุส และ เควิน เดอ บรอยน์ แทน ดาบิด ซิลบา และ แบร์นาโด้ ซิลบา จากนั้น กุน แทน กุนโดกัน
แมนฯ ซิตี้ ร้องจะเอาจุดโทษจากจังหวะที่ กุน โดนหวด ทว่าผู้ตัดสินไม่ให้ ก่อนที่ แฟร์นานดินโญ่ จะโดนใบเหลืองหลังอัด ลินการ์ด จากนั้น เกมเริ่มเดือด ป็อกบา โดนเหลืองอีกรายจากการไปเตะ โอตาเมนดี้
มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ถูกเปลี่ยนลงมา ก่อนที่ แมนฯ ซิตี้ หวิดได้ลูกตีเสมอท้ายเกม แต่ เด เคอา โชว์ซูเปอร์เซฟเหลือเชื่อ และจังหวะต่อมา ลูกยิงเผาขนของ สเตอร์ลิ่ง ไปชนเสาแล้วเด้งมาติด เด เคอา
ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่ม และหลังทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เอาชนะไปสุดมันส์ 3-2 รั้งอันดับสองเหนียวแน่น พร้อมกับชะลองานฉลองแชมป์ของเพื่อนบ้านไปก่อน
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน, ดานิโล่, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ฟาเบียน เดลฟ์, อิลคาย กุนโดกัน (เซร์คิโอ อเกวโร่ น.76), แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา (เควิน เดอ บรอยน์ น.72), แบร์นาร์โด้ ซิลวา (กาเบรียล เชซุส น.72), ราฮีม สเตอร์ลิง, ลีรอย ซาเน่
สำรองไม่ได้ใช้ : เคลาดิโอ บราโว่, ไคล์ วอล์คเกอร์, เอมเมอริก ลาปอร์กต์, ยาย่า ตูเร่
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, เอริก ไบยี่, คริส สมอลลิ่ง, แอชลี่ย์ ยัง, อันเดร์ เอร์เรร่า (วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ น.90), เนมานย่า มาติช, ปอล ป็อกบา, เจสซี่ ลินการ์ด (สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ น.85), โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.82)
สำรองไม่ได้ใช้ : โชเอล เปเรยร่า, มาร์กอส โรโฮ, ฆวน มาต้า, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน
ที่มา : Siamsport