สนาม : เอสปรีต์ อารีน่า, ดุสเซลดอร์ฟ, ประเทศเยอรมัน
”อินทรีเหล็ก” เยอรมัน แชมป์โลกทีมปัจจุบัน ลงลับแข้งเตรียมความพร้อมลุยฟุตบอลโลกแดนหมีขาวรับมือ “กระทิงดุ” สเปน อดีตแชมป์โลกปี 2010
เกมนี้เจ้าถิ่นของ โยอาคิม เลิฟ จัดแนวรุกทั้ง โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล และ ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ โดยทิ้ง ติโม แวร์เนอร์ เป็นหน้าเป้า ขณะที่ทีมเยือนของ จูเลน โลเปเตกี ใช้สามแนวรุกอย่าง ดาบิด ซิลบา, อีสโก้ และโรดริโก้ โมเรโน่ ที่ได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริง
ออกสตาร์ทเกมแค่ 6 นาที กลายเป็น “กระทิงดุ” ที่ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เมื่อ อันเดรส อีเนียสต้า แทงบอลทะลุแนวรับให้ โรดริโก้ โมเรโน่ วิ่งสอดเข้าไปซัดด้วยซ้ายผ่านตัว แทร์ ชเตเก้น เข้าไปอย่างเด็ดขาด สเปน บุกมานำเยอรมันก่อน 1-0
“อินทรีเหล็ก” หลังเสียประตูก็เปิดเกมรุกเข้าใส่ ทั้งโอกาสยิงของ ดรักซ์เลอร์ ที่ไปติดบล็อก การ์บาฆาล และจังหวะวอลเลย์นอกกรอบของ โยนาส เฮคเตอร์ แต่บอลหลุดกรอบแบบได้เสียว
นาที 16 แนวรับเยอรมัน หวิดพลาดเสียประตูอีกหน เฮคเตอร์ ขึ้นตัดบอลพลาด อีสโก้ พักบอลได้ริมเส้นก่อนสปีดไปถึงเส้นหลังปาดเข้ากลางให้ อีเนียสต้า ที่สอดมาโล่งๆ แต่ห้องเครื่องบาร์เซโลน่าจับยาวไปบอลเลยเข้ามือ แทร์ ชเตเก้น
แฟนเจ้าถิ่นได้เฮลั่นคืน หลัง “อินทรีเหล็ก” มาทวงตีเสมอ 1-1 สำเร็จ ในนาที 35 จากจังหวะที่เซ็ตบอลกันสวยบอลจาก เคดิร่า ไหลให้ มุลเลอร์ ยืนตั้งป้อมปั่นด้วยขวาบอลพุ่งหนีมือ เด เคอา โค้งเสียบเข้ามุมไปอย่างสวยงาม
จบครึ่งแรก เยอรมัน เสมอ สเปน 1-1
กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง แค่นาที 47 เยอรมันหวิดได้ประตูขึ้นนำบ้าง ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ ปั่นบอลจากแถวสองบอลเกือบจะโค้งเสียบเสาไกลอยู่แล้วแต่ เด เคอา ยังยอดเยี่ยมพุ่งปัดปลายนิ้วออกไปหวุดหวิด
นาที 57 สเปน หวิดได้ประตูนำอีกครั้ง อีสโก้ จะได้เน้นๆ แต่บอลไปติดเซฟของ แทร์ ชเตเก้น และถัดมา “อินทรีเหล็ก” ได้สวนกลับ โครส ได้อัดเต็มข้อบอลพุ่งเลียดแต่ดีที่ เด เคอา ยังไวพุ่งปัดออกไปได้
“กระทิงดุ” น่าจะนำห่างอีกหนหลัง เฮคเตอร์ แบ็กซ็ายอินทรีเหล็กเตะไปชนการ์บาฆาลที่ตามมาบล็อคบอลกระเด้งเข้ากลางไปถึง คอสต้า ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาได้ล่อเป้าจ่อๆแต่ดันยิงไปติดเซฟ แทร์ ชเตเก้น
ช่วงท้ายเกมทั้งคู่มีโอกาสได้ลุ้นประตูทั้งสองฝ่าย แต่ยังทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จนจบการแข่งขัน เยอรมัน เสมอกับ สเปน แบบสนุก 1-1
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
เยอรมัน (4-2-3-1) : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น – โยชัว คิมมิค, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เยโรม บัวเต็ง, โยนาส เฮคเตอร์ – ซามี่ เคดิร่า, โทนี่ โครส – โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ – ติโม แวร์เนอร์
เทรนเนอร์ : โยอาคิม เลิฟ
สเปน (4-3-3) : ดาบิด เด เคอา – ดานี่ การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส, เคราร์ด ปีเก้, จอร์ดี้ อัลบา – ติอาโก้ อัลกันตาร่า, โกเก้, อันเดรส อีเนียสต้า – ดาบิด ซิลบา, โรดริโก้ โมเรโน่, อีสโก้
เทรนเนอร์ : จูเลน โลเปเตกี
ซึ่งตัวของ แซร์คิโอ รามอส เองนั้นจะลงสนามให้ทีมชาติเป็นเกมที่ 150 กับเยอรมันวันศุกร์นี้หากได้รับเลือกจาก ฆูเลน โลเปเตกี กุนซือของทีม
ซึ่ง กาซีญาสทำสถิติลงสนามให้ทีมชาติสเปนสูงสุด 167 เกม และ รามอสก็หวังที่จะทำลายสถิตินี้ลงให้ได้
ทั้งนี้ แซร์คิโอ รามอส กล่าวว่า “ความจริงก็คือมันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ(กับการลงเล่นเจอทีมแชมป์โลกในการลงสนามเกมที่ 150)ในคืนนี้”
“มันไม่มีอะไรสวยงามไปกว่าการลงเล่นให้ทีมชาติ ตราบเท่าที่ผมรักษาสปิริตการคว้าชัยชนะเอาไว้ได้ ผมจะเดินหน้าเล่นให้ทีมนี้ต่อไปเมื่อพวกเขาเรียกใช้ผม และผมเต็มใจมากๆ”
“ผมอยากเป็นนักเตะที่สวมเสื้อตัวนี้มากที่สุดแต่มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ผมก็จะพยายาม” รามอสทิ้งท้าย
กระทั่ง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมเต็งที่จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ดันตกรอบด้วยน้ำมือของทีม เซบีญ่า หลังพ่าย คาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 2-1
ในนักเตะบางคนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังโชว์ฟอร์มได้ดี แม้ทีมจะแพ้ก็ตาม แต่ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ย้ายมาจาก “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เมื่อเดือนมกราคม ต้องอดทนกับอีกเกมที่น่าผิดหวัง
อเล็กซิส ซานเชซ ยิงได้เพียงประตูเดียวจาก 10 เกม นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับสโมสร และมักแยกตัวออกจากเพื่อนร่วมทีมที่สนามซ้อมคาร์ริงตัน
รายงานข่าวจาก เดอะ ซัน สื่อจากเกาะอังกฤษระบุว่า นักเตะบางคนโกรธใส่ อเล็กซิส ซานเชซ หลังทีมตกรอบในบอลถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะไม่โอเคกับความขยัน และฟอร์มของเขาเลย
จนกระทั่ง ในขณะเดียวกัน นักเตะบางคนในห้องแต่งตัวก็บอกให้เขาโชว์ฟอร์มให้ดีขึ้นมากกว่านี้ ไม่ใช่เหมือนตอนอยู่ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล
ซึ่งจากผลงานดังกล่างทำให้ แกเร็ธ เบล นั้น ยิงไปเเล้ว 29 ประตู แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง เอียน รัช ได้สำเร็จมากกว่า 1 ลูกแล้ว แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวยืนกรานยังไม่หยุดอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน และจะสร้างไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ แกเร็ธ เบล กล่าวว่า “ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณทำให้กับประเทศของคุณล้วนแล้วแต่สูงส่งทั้งนั้น มันเป็นเกียรติยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณทำเพื่อชาติบ้านเมืองได้”
“มันเป็นโมเมนต์ที่ยอดเยี่ยมกับการประตูในนามทีมชาติ มีหลายประตูที่ผมรู้สึกประทับใจอย่างมากและเมื่อวันนึงผมแขวนสตั๊ดไปแล้ว ผมสามารถมองย้อนกลับไปด้วยความภาคภูมิใจว่าผมได้ทำสิ่งที่สุดยอดแล้ว”
“แต่ยังเหลือเวลาอีกตั้งมากมาย ผมไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอก ผมต้องการยิงประตูไปเรื่อยๆ ที่สำคัญก็คือผมต้องการฟอร์มที่ดีและนำพาประเทศชาติประสบความสำเร็จแน่นอน“
ซึ่งตัวของ จัสติน ไคลเวิร์ต นั้นเป็นทายาทหัวแก้วหัวแหวนของของ แพทริค ไคลเวิร์ต ซึ่งฤดูกาลนี้นั้นตัวเขากดไป 8 ประตู จาก 39 นัดในฤดูกาลนี้จนมีข่าวว่า โจเซ่ มูรินโญ่ให้ความสนใจ
ทั้งนี้ ตัวของ จัสติน ไคลเวิร์ต กำลังอยู่ในช่วงเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับ อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่ง คูมัน นั้นต้องการให้เจ้าตัวค้าเเข้งในลีกบ้านเกิดต่อไป เพราะจะได้พัฒนามากกว่านี้เเละมีโอกาศลงสนามอย่างสม่ำเสมอ
ล่าสุด โรนัลด์ คูมัน กล่าวว่า “ผมได้คุยกับ ไคลเวิร์ต เกี่ยวกับเรื่องอนาคตของเขาแล้ว เขากำลังอยู่ระหว่างเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับ อาหยักซ์ อยู่นะตอนนี้”
“ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็คือการค้าแข้งในประเทศฮอลแลนด์ต่อไป เพราะเขาเพิ่งอายุ 18 ปีเองนะ และเขาจะพัฒนาได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน” โรนัลด์ คูมัน ทิ้งท้าย
ก่อนหน้านี้นั้น เนย์มาร์ ได้ย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวสถิติโลกที่ 222 ล้านยูโร เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เเละ มีข่าวว่า เนย์มาร์ นั้นต้องการที่จะย้ายไปอยู่ กับ เรอัล มาดริด
ซึ่งมีข่าวอย่างมากมายว่า เรอัล มาดริด นั้นต้องการที่จะทุบสถิติโลกอีกครั้งด้วยการดึง เนย์มาร์ กลับมาลาลีกา สเปนอีกครั้ง เเละเจ้าตัวเองก็ไม่ปิดโอกาศย้ายทีมอีกด้วย
ทั้งนี้ อันเดรส อิเนียสต้า กล่าวว่า “พูดตามตรงนะอนาคตของเนย์มาร์ไม่ใช่เรื่องที่ผมกำลังคิดอยู่ ปกติแล้วเวลาที่คุณย้ายจากที่ใดที่หนึ่งแล้วมันก็อยากที่จะกลับไปที่เดิมนะ”
“ด้วยเหตุนั้น ผมคงเซอร์ไพรส์มากถ้าเขากลับมาแทนที่จะไปอยู่ทีมอื่น แต่ยังไงเราก็ต้องรอดูกันต่อไป ถ้าพวกเขาคว้าตัวเขา มาดริดจะได้ตัวหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก เเต่ยังไง บาร์เซโลน่าก็ดีกว่า ” อันเดรส อิเนียสต้า ทิ้งท้าย
กระทั่ง จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ยิงประตูไปแล้วถึง 36 ประตู รวมทุกรายการทำให้กลายเป็นนักเตะที่ต้องการของทีม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด
ที่พร้อมทุ่มไม่อั้นกว่า 150 ล้านปอนด์ หวังได้ตัวนักเตะรายนี้ ภายในซัมเมอร์นี้ให้ได้
ตามรายงานจาก “ไดอาริโอ โกล” สำนักข่าวชื่อดังจากประเทศสเปน ระบุว่า แม้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ต้องการขาย โมฮาเหม็ด ซาล่าห์
แต่คงไม่กล้าขัดนโยบายของบอร์ดบริหาร “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่มองในแง่ของธุรกิจเป็นหลักใหญ่
ดังนั้นกุนซืออย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ จึงต้องมองหาผู้ที่เข้ามาสานงานต่อจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทีืไม่มีใครเหมาะสมไปกว่า อุสมาเน่ เดมเบเล่ ดาวรุ่งวัยแค่ 20 ปี
ซึ่งดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุขกับการเล่นในถิ่นคัมป์ นู โดยเฉพาะการมาของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ยิ่งทำให้เขามีโอกาสลงสนามน้อยลง
จนกระทั่ง “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า มีแนวโน้มสูงมากที่จะได้ตัว อองตวน กรีซมันน์ ซึ่งค่าตัวสูงกว่า 100 ล้านปอนด์ ดังนั้นจึงเต็มใจจะปล่อย อุสมาเน่ เดมเบเล่ ให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
เพื่อนำเงินมาเป็นทุนในการจัดซื้อหัวหอกจาก “ตราหมี” แอตเลติโก้ มาดริด
กระทั่ง ฤดูกาลนี้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยิงประตูไปเพียง 1 ประตูในเกม ลีก คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายกับบริสตอล ซิตี้
เขานั้นโดนอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่าเล่นงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ก่อนหายเจ็บกลับมาในช่วงเวลาสั้นๆ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม และเจ็บหัวเข่ายาวจนถึงปัจจุบัน
เว็บไซต์ของ “ปีศาจแดง” เผยอย่างเป็นทางการแล่วว่า ว่า ทีม “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันการยกเลิกสัญญากับศูนย์หน้าอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช โดยมีผลทันที”
“ทุกคนในสโมสรขอขอบคุณ ซลาตัน สำหรับความทุ่มเทที่มีให้กับสโมสรเสมอมา และขอให้โชคดีในอนาคตข้างหน้า”
จนกระทั่ง ขณะที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความในอินสตาแกรมอีกด้วย
ฮอลแลนด์เตรียมเริ่มต้นยุคใหม่ภายใต้การนำทัพของ โรนัลด์ คูมัน นายใหญ่ป้ายแดง ที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
เกมล่าสุดฮอลแลนด์บุกถล่มโรมาเนีย 3-0 เป็นการอำลาอดีตเทรนเนอร์ ดิ๊ก อั๊ดโวคาท โดยเป็นการฟาดชัย 5 นัดหลังสุด
สำหรับผู้เล่นชุดปัจจุบันคูมันเรียกหน้าใหม่เข้ามา 5 คน ประกอบด้วย จัสติน ไคลเวิร์ต, มาร์โค บิซ็อต, ฮันส์ ฮาเตบัวร์, กุส ทิล และ เวาต์ เวกฮอร์ทส์
ขณะที่ 8 นักเตะนำโดย ดาเล่ย์ บลินด์ กับ ลุค เด ยองก์ โดนหั่นชื่อจากทีมชุดที่ประกาศรายชื่อเบื้องต้น
ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น รับหน้าที่เฝ้าประตูแบ็กโฟร์วาง ฮันส์ ฮาเตบัวร์, สเตฟาน เดอ ฟราย, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ พาทริค ฟาน อานโฮลท์
แดนกลางใช้บริการของ ดาวี่ พร็อปเปอร์, เควิน สตรอทมัน และ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม หน้าเป้าเลือก บาส ดอสท์ ตัวรุกริมเส้นเป็น ไรอัน บาเบิล กับ เมมฟิส เดอปาย
ด้านอังกฤษของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เตรียมความพร้อมสำหรับการไปล่าความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2018 โดยวางคิวลับแข้งกับฮอลแลนด์และอิตาลี 2 ชาติที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือกเวิลด์ คัพในวันที่ 23 กับ 27 มี.ค. นี้
ผลงานล่าสุดอังกฤษยันเสมอบราซิล 0-0 โดยเป็นการเสมอแบบโนสกอร์ 2 นัดติด หลังเจ๊ากับ เยอรมันด้วยสกอร์เดียวกันด้วย
สภาพทีมล่าสุด ไรอัน เบอร์ทรานด์ ตัดสินใจถอนตัวด้วยการบาดเจ็บแผ่นหลัง
ส่วนในประกาศชื่อก่อนหน้านี้ ไม่มี แฮร์รี่ เคน ที่ได้รับบาดเจ็บเอ็นข้อเท้าและคาดว่าจะคัมแบ็กในช่วงปลายเดือน เม.ย. นี้ รวมถึง 2 กองหลังอย่าง แกรี่ เคฮิลล์ กับ คริส สมอลลิ่ง ที่ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐาน
ทว่า แจ็ค วิลเชียร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ อดัม ลัลลาน่า กลับมาติดธงอีกครั้ง พร้อมหน้าใหม่ 4 ราย ประกอบด้วย นิค โป๊ป, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, อัลฟี่ มอว์สัน และ ลูอิส คุ้ก โดยรายหลังถูกเรียกติดทีมมาก่อนแล้วแต่ยังไม่ได้ประเดิมสนาม
คาดกันว่าเซาธ์เกตเตรียมทดลองระบบ 3-4-3 จอร์แดน พิคฟอร์ด น่าจะได้รับเลือกเป็นนายประตูมือ 1 ในเกมนี้ ส่วน แจ็ค บัตแลนด์ รอเฝ้าเสาในเกมกับอิตาลี
แนวรับ 3 ตัวถอย เอริก ดายเออร์ มายืนตรงกลาง ขนาบด้วย จอห์น สโตนส์ กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์
แดนกลางเลือก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ แจ็ค วิลเชียร์ วิงแบ็กขวา-ซ้ายเป็น ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ แอชลี่ย์ ยัง แดนหน้าวาง เจมี่ วาร์ดี้ พร้อมตัวรุกอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง กับเดเล่ อัลลี่
ฮอลแลนด์ (4-3-3) : ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น – ฮันส์ ฮาเตบัวร์, สเตฟาน เดอ ฟราย, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, พาทริค ฟาน อานโฮลท์ – ดาวี่ พร็อปเปอร์, เควิน สตรอทมัน,จอร์จินโย่ ไวนัลดุม – ไรอัน บาเบิล, บาส ดอสท์, เมมฟิส เดอปาย
เทรนเนอร์ : โรนัลด์ คูมัน
อังกฤษ (3-4-3) : จอร์แดน พิคฟอร์ด – จอห์น สโตนส์, เอริก ดายเออร์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์ – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แจ็ค วิลเชียร์, แอชลี่ย์ ยัง – ราฮีมสเตอร์ลิง, เจมี่ วาร์ดี้, เดเล่ อัลลี่
เทรนเนอร์ : แกเร็ธ เซาธ์เกต
”อินทรีเหล็ก” แชมป์โลกทีมปัจจุบัน ลงเตะเกมทางการล่าสุดด้วยการเอาชนะอาเซอร์ไบจาน 5-1 ส่งท้ายฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ส่วนเกมกระชับมิตรเสมอฝรั่งเศสสุดมันส์ 2-2
เทรนเนอร์ โยอาคิม เลิฟ เรียกนักเตะมาติดทีมทั้งหมด 26 คน โดยไร้เงา มานูเอล นอยเออร์ นายทวารมือหนึ่งจากสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ที่ยังต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ มาร์โค รอยส์ และ มาริโอ เกิทเซ่ สองมิดฟิลด์ตัวรุกจากค่าย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
สภาพความพร้อมล่าสุด เซบาสเตียน รูดี้ พลาดซ้อมกับเพื่อนๆ ในการเตรียมทีมครั้งสุดท้ายที่ดุสเซลดอร์ฟ เนื่องจากต้องไปเฝ้าภรรยาที่กำลังคลอดลูก ขณะที่ เอ็มเร่ ชาน มิดฟิลด์เนื้อหอมจากลิเวอร์พูล มีอาการบาดเจ็บแผ่นหลังเล็กน้อย คาดว่าคงไม่ถูกเสี่ยงส่งลง
มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น จะได้ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงในวันที่นอยเออร์ยังไม่พร้อมให้บริการ แนวรับนำมาโดย 3 ทหาร ”เสือใต้” อย่าง มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เยโรม บัวเต็ง และ โยชัว คิมมิค
แดนกลางวางให้ อิลคาย กุนโดกัน คุมเกมกับ โทนี่ โครส แดนหน้า ติโม แวร์เนอร์ จะได้ออกสตาร์ตก่อนหน้าของจอมเก๋าอย่าง มาริโอ โกเมซ ที่กลับมายิงต่อเนื่องในคราบไคลของสตุ๊ตการ์ท
ฟากกองทัพ ”กระทิงดุ” ส่งท้ายรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกด้วยการเอาชนะอิสราเอล 1-0 ก่อนที่จะลงเตะเกมกระชับมิตรกับรัสเซีย เจ้าภาพเวิลด์ คัพ กลางปีนี้ ที่เสมอกันไปสุดสนุก 3-3
จูเลน โลเปเตกี เรียกตัว ดีเอโก้ คอสต้า ที่กำลังคืนฟอร์มกับ แอต.มาดริด กลับมาติดทีมอีกครั้ง และเรียกให้ มาร์กอส อลอนโซ่ แนวรับซ้ายฟ้าสั่งจากเชลซี ติดทีมเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับ โรดรี้ เอร์นานเดซ จากบียาร์เรอัล และ ดานี่ ปาเรโฆ กัปตันทีมบาเลนเซีย
อย่างไรก็ตาม ทีมชุดนี้ไม่มีชื่อของ อัลบาโร่ โมราต้า หัวหอกจากค่าย ”สิงห์บลูส์” ทำให้ในช่วงเบรกทีมชาติครั้งนี้เสื้อหมายเลข 7 ของเจ้าตัวจะตกไปเป็นของ ซาอูล ญีเกซ มิดฟิลด์ตราหมี ส่วน เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ห้องเครื่องตัวเก่งจากบาร์เซโลน่า ไม่มีชื่อเหมือนกันเนื่องจากบาดเจ็บ
ทางเลือกในการจัดทัพของสเปนเยอะพอๆ กับเยอรมันเลย โดยคาดว่าจะออกสตาร์ตด้วยทีมงานชุดใหญ่ แผงแนวรับมี เซร์คิโอ รามอส จับคู่เซนเตอร์กับ เคราร์ด ปีเก้ คู่ปรับในนามสโมสร
กลางสนามมี อันเดรส อีเนียสต้า ขับเคลื่อนเกม ดีเอโก้ คอสต้า ปักหอก ขนาบข้างโดย มาร์โก อาเซนซิโอ และ ดาบิด ซิลบา
เยอรมัน (4-2-3-1) : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น – โยชัว คิมมิค, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เยโรม บัวเต็ง, โยนาส เฮคเตอร์ – อิลคาย กุนโดกัน, โทนี่ โครส – โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ลีรอย ซาเน่ – ติโม แวร์เนอร์
เทรนเนอร์ : โยอาคิม เลิฟ
สเปน (4-3-3) : ดาบิด เด เคอา – ดานี่ การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส, เคราร์ด ปีเก้, จอร์ดี้ อัลบา – อีสโก้, โกเก้, อันเดรส อีเนียสต้า – ดาบิด ซิลบา, ดีเอโก้ คอสต้า, มาร์โก อาเซนซิโอ
เทรนเนอร์ : จูเลน โลเปเตกี