ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2)

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ.2561

อาแอส โรม่า (อิตาลี) – บาร์เซโลน่า (สเปน)
AS Roma(Italy) – Barcelona (Spain)

(ผลนัดแรก บาร์เซโลน่า ชนะ 4-1)
ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 2, เวลา : 01.45 น.

 

สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก

“หมาป่า” โรม่า ทีมชั้นนำของกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี บุกไปพ่ายให้กับ บาร์ซ่า มาก่อน 1-4 ในนัดแรก ทำให้เป็นงานช้างทีเดียว หากอยากพลิกกลับมาเข้ารอบ

ยูเซปิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ เทรนเนอร์ของโรม่า ที่พาทีมเปิดบ้านพ่าย ฟิออเรนติน่า มา 0-2 ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี นัดล่าสุด ยังรั้งอันดับสามของตารางคะแนน

สภาพทีมเกมนี้ต้องขาด ริค คาร์สดอร์ป กองหลังวัย 23 ปี ชาวดัตซ์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมทั้งรอประเมินอาการบาดเจ็บต้นขาของ รัดย่า นาอิงโกลัน มิดฟิลด์คนสำคัญด้วย

อย่างไรก็ตามได้ตัว เกนกิซ อึนแดร์ ฟื้นตัวจากอาการเจ็บหัวเข่า ลงล่าตาข่ายร่วมกับ เอดิน เชโก้ และ ดีเอโก้ เปร็อตติ

นอกจากนั้นได้ตัว ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ มิดฟิลด์ตัวเก่งอีกราย หายเจ็บน่อง ลงทำเกมแดนกลางกับ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ และ เควิน สตรอทมัน

รูปแบบการเล่นใช้สูตร 4-3-3 ให้ อลิสซอน นายทวารชาวบราซิล ลงมาเฝ้าเสา พร้อมได้ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, เฟเดรีโก้ ฟาซีโอ, คอสตาส มาโนลาส และ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ประจำการเกมรับ

ด้าน “อาซูลกราน่า” บาร์เซโลน่า ยอดทีมจากกาตาลัน เปิดบ้านไล่ขยี้ โรม่า ถึง 4-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ทำให้ได้เปรียบเยอะทีเดียวในการบุกมาเยือน โรม่า นัดที่สอง และโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบตัดเชือกถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 11 ก็สดใสทีเดียว

ส่วนผลงานในลา ลีกา นั้น เพิ่งเปิดบ้านทุบ เลกาเนส 3-1 จากการทำแฮตทริกของเมสซี่ ทำให้นำจ่าฝูงแบบสบายๆ ทิ้งห่าง แอต.มาดริด ไป 11 คะแนนแล้ว เมื่อผ่านมา 31 นัด

ความพร้อมเกมนี้ บาร์ซ่า ไม่มี ฟิลิปป์ คูตินโญ่ ตัวรุกคนเก่งชาวบราซิล ที่ไม่มีสิทธิ์เล่นรายการนี้ให้กับเจ้าบุญทุ่ม เนื่องจากเคยลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดเก่ามาก่อนแล้ว

นอกจากนั้นต้องขาด ลูก้าส์ ดีญ กับ เซร์จี้ ซามเปร์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมทั้งรอเช็ก เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กองกลางตัวตัดเกมคนสำคัญด้วย

รูปแบบการเล่นใช้สูตร 4-4-2 ให้ มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ลงมาเฝ้าเสา พร้อมได้ความช่วยเหลือจากแนวรับอย่าง เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้ และ จอร์ดี้ อัลบา

ขุมกำลังในแดนกลางวาง เซร์จี้ โรเบร์โต้, เปาลินโญ่, อิวาน ราคิติช และ อันเดรส อีเนียสต้า (กัปตันทีม) ลงมาทำเกมรุกและช่วยเกมรับ

คู่หน้าส่ง ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่ซัดไปแล้ว 29 ประตูในลา ลีกา เวลานี้ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงชาวอุรุกวัย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง

โรม่า : อลิสซอน – อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, คอสตาส มาโนลาส, เฟเดรีโก้ ฟาซีโอ, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ – ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ (กัปตันทีม), เควิน สตรอทมัน – เกนกิซ อึนแดร์, เอดิน เชโก้, ดีเอโก้ เปร็อตติ

บาร์เซโลน่า : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น – เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้, จอร์ดี้ อัลบา – เซร์จี้ โรเบร์โต้, เปาลินโญ่, อิวาน ราคิติช, อันเดรส อีเนียสต้า (กัปตันทีม) – ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ

ผู้ตัดสิน : เกลม็องต์ ตูร์กแป็ง (ฝรั่งเศส)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

– โรม่าเสร็จบาร์ซ่าที่คัมป์ นู ก่อนถึง 1-4 ซึ่งพวกเขานั้นแพ้ทั้งสองหนก่อนหน้านี้ที่เล่นรอบก่อนรองชนะเลิศ หนสุดท้ายทศรววรษที่แล้ว ส่วนปี 1983/84 ทีมหมาป่าผ่านรอบนี้ได้
– บาร์ซ่าเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ 6 ปีติดนับแต่ปี 2008-2013 แต่ 3 จาก 4 หนหลังหยุดที่รอบนี้
– โรม่าแพ้ 2 จาก 5 หนหลังที่เจอกับบาร์ซ่า โดยก่อนหน้านั้นมาเยือนคัมป์ นู หนหลังสุดก็โดนยำไป 6-1 เมื่อสองซีซั่นก่อน
– สถิติโรม่าในรอบก่อนรองชนะเลิศคือ ชนะ 1, แพ้ 2
– ทีมจากอิตาลีแพ้รวดใน 4 เกมหลังสุดรอบก่อนรองชนะเลิศ
– โรม่าสถิติเตะแบบสองนัดเจอกับทีมจากสเปน คือ ชนะ 3, แพ้ 4 หนสุดท้ายคือชนะบียาร์เรอัล ในรอบ 32 ทีมยูโรปา ลีก ซีซั่นก่อน
– สถิติโรม่าในการเจอกับทีมจากสเปนคือ ชนะ 10, เสมอ 5, แพ้ 16 และถ้าเล่นในบ้านคือ ชนะ 6, เสมอ 2, แพ้ 7 โดยพวกเขาไม่ชนะ 4 หนหลังที่เจอกับทีมจากสเปนที่บ้านตัวเอง นับแต่ชนะ 2-1 เหนือราชันในรอบ 16 ทีมปี 2007/08
– ชัยชนะเหนือบียาร์เรอัลซีซั่นก่อน ถือเป็นการชนะหนเดียวใน 9 เกมหลังสุดของโรม่า ที่มีเหนือทีมจากสเปน ทั้งเหย้าและเยือน (เสมอ 2, แพ้ 6)
– โรม่ามีสถิติการยิงจุดโทษในถ้วยยุโรปคือ ชนะ 1, แพ้ 3
– บาร์ซ่ามีสถิติในถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศคือ ชนะ 14, แพ้ 5 แต่ก็แพ้ใน 3 จาก 4 หนหลัง โดยปีก่อนตกรอบนี้ด้วยน้ำมือของยูเว่ ส่วนอีกสองครั้งที่ตกก็ตกด้วยน้ำมือของตราหมี
– บาร์ซ่า สถิติเตะแบบสองนัดเหย้า-เยือนเจอกับทีมจากอิตาลี คือ ชนะ 8, แพ้ 4
– สถิติบาร์ซ่าไปเยือนทีมเซเรีย อา คือชนะ 6, เสมอ 10, แพ้ 6 และไม่ชนะเลยใน 6 หนหลัง (เสมอ 4, แพ้ 2)
– บาร์ซ่าชนะแค่ 5 จาก 15 เกมเยือนหลังโดยเสมอ 5 และแพ้ 5, พวกเขาแพ้ 3 จาก 8 เกมเยือนหลังแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบนี้ถึง 0-4 ต่อเปแอสเชซีซั่นก่อน
– บาร์ซ่าชนะ 38 จาก 41 เกมยุโรป ที่ชนะในเกมแรกที่บ้าน หนสุดท้ายที่ชนะในบ้านนัดแรกแล้วแพ้เกมเยือนคือเจอกับตราหมี ปี 2015/16 รอบก่อนรองชนะเลิศ (2-1 ชนะในบ้าน, ไปเยือนแพ้ 0-2)
– สถิติการยิงจุดโทษของบาร์ซ่าในถ้วยยุโรปคือชนะ 5, แพ้ 1
– บาร์ซ่าไม่แพ้ใน 10 เกมหลังสุดแชมเปี้ยนส์ ลีก
– บาร์ซ่าตอนนี้ไม่แพ้ใคร 38 เกมลีกหลังสุด (ชนะ 31, เสมอ 7) เทียบกับสถิติตลอดกาลที่เรอัล โซเซียดาด ทำไว้ช่วงปี 1979-80 (ชนะ 21, เสมอ 17)
– ดีเอโก้ เปร็อตติ กับ คอสตาส มาโนลาส ของโรม่าถ้าโดนเหลืองเข้ารอบไปจะติดแบน ส่วนฝั่งบาร์ซ่า เซร์กี้ โรแบร์โต้ ต้องระวัง


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า อาร์เซน่อล เตรียมที่จะเปลี่ยนสปอนเซอร์เสื้อจาก Puma มาเป็น Adidas ซีซั่นหน้า และอาจจะรับเงินประมาณ 40 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว


โดยปัจจุบันนั้น อาร์เซน่อล ได้ร่วมงานกับ Puma อยู่ และรับทรัพย์อยู่ที่ 30 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล และจะหมดลงช่วงสิ้นสุดฤดูกาลหน้า

ซึ่ง แบรนด์ชื่อดังขอเยอรมนี กลายเป็นตัวเต็งที่จะกลายเป็นสปอนเซอร์รายใหม่ของทีมปืนใหญ่ และ เตรียมจะทุ่มเงินฤดูกาลละประมาณ 40 ล้านปอนด์ให้กับอาร์เซนอล

ทั้งนี้ สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่รับทรัพย์จากสปอนเซอร์เสื้อมากที่สุด โดยพวกเขารับอยู่ที่า 75 ล้านปอนด์ ต่อปี ด้วยกัน


ที่มา : buaksib


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ผลงานดีต่อเนื่อง! ชนาธิป สรงกระสินธ์ พร้อมสองแข้งคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ติดทีมยอดเยี่ยมจากการจัดของ DAZN ผู้ถือลิขสิทธิ์ เจลีก เจ้าตัวเผยสภาพร่างกายไม่มีปัญหาขอสานต่อฟอร์มดีพร้อมหวังพาทีมเก็บสามแต้มเหนือ โชนัน เบลมาเล่ ให้ได้


ความเคลื่อนไหวของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะทีมชาติไทยที่ไปค้าแข้งในศึกเจลีก 2018 กับทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ซึ่งได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริง 6 เกมติดต่อกันในเจลีก และเกมล่าสุดที่ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เปิดบ้านเอาชนะ นาโกย่า แกรมปัส 3-0 เจ ชนาธิป ก็ยังรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมได้เช่นเคย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เมษายน เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา เจ ชนาธิป และ ขุนพล คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ลงฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องที่ มิยาโนซาว่า วันนี้ มิไฮโล เปโตรวิช เฮดโค้ชจอมเก๋า ได้ให้นักเตะฝึกซ้อมเต็มรูปแบบทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยเริ่มจากวิ่งวอร์มร่างกาย , เล่นลิงชิงบอล , การเคลื่อนที่ และลงทีมเล่นสมอลไซส์ ซึ่ง เจ ชนาธิป ยังถูกจับอยู่ในชุดตัวหลักประสานงานร่วมกับ โคจิ มิโยชิ และ เจย์ โบธรอยด์

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

สิ่งที่เห็นการฝึกซ้อมในวันนี้ เปโตรวิช ได้เน้นให้นักเตะมีสมาธิมากๆในการเล่นพร้อมกับเน้นการออกบอลเร็วและแม่นยำรวมไปถึงยังฝึกซ้อมการเล่นลูกนิ่งต่างๆทั้งฟรีคิกและเตะมุมเป็นเวลากว่า 2 ชม. จึงเสร็จสิ้น

เจ ชนาธิป ได้เผยถึงสภาพร่างกายก่อนเกมเจอ โชนัน เบลมาเล่ ว่า “ในตอนนี้พร้อมเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีอาการล้าบ้างแต่ก็ไม่เป็นผลแน่นอน ส่วนเกมวันพรุ่งนี้ (11เม.ย.) ขอสานต่อฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมให้ได้เพื่อพาทีมเก็บสามคะแนนในบ้านต่อหน้าแฟนบอลอีก”

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ทางด้าน Dazn ผู้ถือลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลเจลีก 2018 ได้เลือกผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำกาาแข่งขันนัดที่หก ปรากฎว่ามีชื่อของ เจ ชนาธิป พร้อมกับอีกสองแข้งของทีม คอนซาโดเล่ ซัปโปโร อย่าง โคมาอิ วิงแบ็คขวา และ ชินโด เซเตอร์ฮาล์ฟ ติดทีมด้วย

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของทีม คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จะมีคิวเปิดซัปโปโรโดมต้อนรับการมาเยือนของ โชนัน เบลมาเล่ ในวันที่ 11 เมษายน เวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ทรูสปอร์ต 3

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6


ที่มา : siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

เป็นที่รู้กันว่าแกเร็ธ เบล เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยกระดับฝีเท้าก้าวขึ้นมาสู่ระดับโลก หลังจากที่เขาเปลี่ยนตำแหน่งจากแบ็กซ้ายมาเป็นตัวรุกซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะระดับโลกจนถูกเรอัล มาดริดคว้าตัวไปครอบครอง ส่วนอีกรายก็เป็นเธียร์รี่ อองรี ที่หลายคนทราบกันดีว่าเคยเล่นปีกมาก่อน ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นสุดยอดกองหน้าระดับโลก


อย่างไรก็ตามนอกจากปีกชาวเวลส์และตีตี้แล้ว มีใครบ้างที่เปลี่ยนตำแหน่งแล้วรุ่ง เราจะพาไปดู 5 แข้งเหล่านั้น

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

5. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

ในตอนที่ ฟาน เพอร์ซี ย้ายเข้าสู่อ้อมอกอาร์เซน่อล ด้วยวัย 20 ปี เขาคือปีกดาวรุ่งที่เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังดัตช์ จากความเร็ว เทคนิค ความสามารถหลอกล่อคู่แข่ง และการจบสกอร์ ที่เขามี

อย่างไรก็ตาม อาร์แซน เวนเกอร์ ได้มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเด็กหนุ่มคนนี้ จึงขยับเพอร์ซี่ มาเล่นในตำแหน่งกองหน้า และเขาก็ตอบแทนด้วยประตูเป็นกอบเป็นกำจนเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของยุโรป ณ เวลานั้น และย้ายเข้าสู่รั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเวลาต่อมา

ตลอดชีวิตการค้าแข้ง เขาทำไปกว่า 300 ประตู ซึ่งประตูที่หลายคนจดจำได้คือลูกโหม่งใส่ทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลก 2014 จนได้รับการเรียกลูกนั้นว่า “เดอะ ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน”

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

4. แว็งซองต์ ก็องปานี

กัปตันทีมแมนฯซิตี้ ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของอันเดอร์เลช ด้วยวัยเพียง 17 ปี ในฐานะกองกลางตัวรับ จนได้ย้ายเข้าสู่ลีกบุนเดสลีก้ากับฮัมบูร์ก ซึ่งที่นี่เขาก็ยังคงเล่นตำแหน่งนี้อยู่

ต่อมาเขาข้ามฟากมาเล่นในพรีเมียร์ลีก กับแมนฯซิตี้ในยุคของมาร์ค ฮิวจส์ ในช่วงแรกเขาก็ยังคงเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับอยู่ แต่ในขณะที่เขากำลังทำได้ดีกับตำแหน่งนี้ ในปี 2010 เขาได้ค้นพบตัวเองว่าอีกหนึ่งตำแหน่งที่ตัวเองทำได้ดีคือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

8 ปีต่อมา ก็องปานี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก และพาเรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์ลีกได้ถึงสองสมัย

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

3. ไรอัน เซสเซอยอง

อาจจะเร็วไปหน่อยที่จะตัดสินว่าเขาได้ประสบความสำเร็จกับตำแหน่งใหม่ แต่ผลงานของเจ้าหนูดาวรุ่งคนนี้ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน

เรื่องราวเปลี่ยนตำแหน่งของเซสเซอยอง ช่างคล้ายกับแกเร็ธ เบล ยิ่งนัก คือเริ่มต้นตัวเองจากแบ็ก และขยับขึ้นมาเป็นปีกซ้าย โดยผลงานที่จับต้องได้ของหนุ่มน้อยวัย17 ปี คือ 14 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ จนพาฟูแล่ม มีลุ้นเลื่อนชั้นในปีนี้

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

2. บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

สิ่งหนึ่งที่หลุยส์ ฟานกัล ทิ้งมรดกไว้ให้กับบาเยิร์น มิวนิคคือการปรับตำแหน่งของชไวน์สไตเกอร์ จากปีก มาสู่มิดฟิลด์ตัวกลาง

ในสมัยรุ่งๆ อดีตแข้งปีศาจแดง แจ้งเกิดกับตำแหน่งปีกซ้าย ที่คอยกระชากลากเลื้อยและตัดเข้าใน แต่ในปี2009 ฟานกัล มองเห็นอะไรในตัวชไวนี่ มากกว่านั้น จึงจับมาเล่นตำแหน่งกึ่งๆกองกลางตัวรับ ซึ่งเรื่องราวที่เหลือหลังจากนั้นคือประวัติศาสตร์ของเขาอย่างแท้จริง

ชไวนี่ สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นตำนานของเสือใต้ ก่อนจะมาอยู่กับแมนฯยูไนเต็ดและตอนนี้โลดแล่นอยู่ในเมเจอร์ลีก กับ ชิคาโก้ ไฟร์

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

1. พอล สโคลส์

มีใครทราบบ้างว่า พอล สโคลส์ เคยเล่นกองหน้ามาก่อน? แต่ในเดือนกันยายน ปี 1997 ฟ้าก็ลิขิตให้เขาเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางเพราะรอย คีน โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนลงสนามไม่ได้

สโคลส์ เคยเล่นกองหน้าเคียงข้างกับ เอริค คันโตน่า และ แอนดี้ โคล อย่างไรก็ตามตำแหน่งนั้นอาจไม่ทำให้เขาแจ้งเกิดได้เท่ากับการเล่นมิดฟิลด์ ลูกยิงไกลอันทรงพลัง วิสัยทัศน์การเล่น การวางบอล ความฉลาดในการอ่านเกม คือสิ่งที่เห็นได้จากสโคลส์

มิดฟิลด์หัวแดงเพลิง ได้รับการยกย่องจากนักเตะชั้นนำหลายคนและแฟนบอลทั่วโลกว่า คือกองกลางที่ดีที่สุดในโลก แล้วคุณละคิดยังไงกับสโคลซี่?


ที่มา : siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

เปิดมุมมองไม่ธรรมดา! แฟร์นันดินโญ่ มิดฟิลด์ “เรือใบสีฟ้า” จิกกัดหรือเอาจริงไม่ทราบได้ ตราหน้า “หงส์แดง” ชอบเล่นบอลยาว แต่ไม่วายโวสนั่นพร้อมรับมือทุกเล่ห์กลทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ พลิกนรกตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว!


แฟร์นันดินโญ่ กองกลาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงความมั่นใจว่าทีมของตนจะรับมือกับบอลยาวของ ลิเวอร์พูล ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัด 2 วันอังคารที่ 10 เมษายน นี้ ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้อย่างแน่นอน หลังจากพลาดท่าแพ้ไปก่อนในนัดแรก 0-3 เมื่อวันพุธที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ที่สนาม แอนฟิลด์

ดาวเตะทีมชาติบราซิล วัย 32 ปี กล่าวว่า “ตอนนี้คือเวลาที่นักเตะมากประสบการณ์ของทีมนี้จะต้องแบกรับภาระหน้าที่สำหรับความพยายามพลิกสถานการณ์ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบนี้ให้ได้ เราทุกคนรู้ดีว่ามันไม่ง่ายที่จะพลิกสถานการณ์ แต่เรากำลังจะสู้เพื่อพลิกสถานการณ์ให้ได้”

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แฟร์นันดินโญ่ 2018

“พวกเขาเป็นทีมที่ชอบเล่นบอลยาว, ฮือกันเข้ามาแย่งบอล และพวกเขาพยายามจะวางกำลังผู้เล่นไปทั่วแดนกลาง แต่ผมคิดว่าเรากำลังจะพร้อมสำหรับมันแล้วล่ะ” แฟร์นันดินโญ่ ระบุ


ที่มา : siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ทีมของผมไม่ธรรมดา! เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” ปลุกเร้าแข้งในคาถาคายฟอร์มสุดยอดออกมาให้ได้เพื่อพลิกนรก เขี่ย “หงส์แดง” ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้จงได้ บอกต้องมองแง่บวก ยังมีอีก 90 นาทีอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น


โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กระตุ้นลูกทีมต้องเล่นอย่างสมบูรณ์แบบในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัด 2 ที่จะเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม รับมือ ลิเวอร์พูล วันอังคารที่ 10 เมษายนนี้ หลังจากที่พลาดท่าบุกไปแพ้นัดแรก 0-3 ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อวันพุธที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา โดยยังคงเชื่อมั่นในทีมที่ “ไม่ธรรมดา” ของตัวเอง

นายใหญ่ “เรือใบสีฟ้า” ที่เพิ่งพาทีมแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้าน 2-3 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัด “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์” เมื่อวันเสาร์ที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ไปด้วยอีกนัด กล่าวว่า “หนทางเดียวที่จะเล่นฟุตบอลได้ดีก็คือมองในแง่บวก เพื่อที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ คุณต้องทำให้มันเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบ, สร้างโอกาสให้ได้มากๆ และพลาดโอกาสให้น้อยๆ เข้าไว้ เมื่อเราฉวยโอกาสได้แล้ว เราจะต้องป้องกันให้ดีๆ ด้วย”

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า 2018

“เรามีเวลา 90 นาที และอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ทั้งหมดที่เราต้องทำคือพยายาม เรามี 90 นาทีบวกช่วงต่อเวลาพิเศษ และเราเคยแสดงให้เห็นในปีนี้มาแล้ว แม้กระทั่งเกมล่าสุดว่าเราสามารถสร้างโอกาสได้อย่างมากมายในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้าย”

เมื่อถูกถามว่าสภาพจิตใจของลูกทีมเป็นอย่างไรบ้างแล้ว หลังแพ้ 2 นัดติดต่อกันในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น กวาร์ดิโอล่า ตอบว่า “ผมไม่รู้ แต่ถ้าเรารับมือในแง่จิตวิทยาไม่ได้ มันก็จะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับอนาคต มันคือการทด
สอบ ฟุตบอลก็เหมือนชีวิต ซึ่งก็คือความท้าทาย ทีมของผมไม่ธรรมดาอยู่แล้วล่ะ”


ที่มา : siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่สองประจำค่ำคืนนี้ เราจะได้ทราบแล้วว่า 2 ทีมแรกใครจะเข้าไปรอในรอบตัดเชือก ซึ่งคู่ที่แฟนบอลทั่วโลกจับตามอง แน่นอนต้องจับจ้องเกมที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ระหว่าง แมนซิตี้ เตรียมล้างตากับ ลิเวอร์พูล หลังนัดแรกเรือใบสีฟ้าพลาดท่าแพ้มาถึง 0-3 ทำให้เกมนี้จำเป็นต้องเปิดเกมรุกเต็มสูบเพื่อพลิกสถานการณ์กลับมาให้ได้
และนี่คือ 5 ประเด็นน่าสนใจก่อมเกมคืนนี้จะระอุขึ้น


5 ประเด็นเด่นก่อนเกมชปล. แมนซิตี้ ปะทะ ลิเวอร์พูล

5 ประเด็นเด่นก่อนเกมชปล. แมนซิตี้ ปะทะ ลิเวอร์พูล

5.อเกวโร่ ปะทะ ซาลาห์

เกมนี้หากไม่อะไรผิดพลาดแมนซิตี้น่าจะส่ง เซร์คิโอ เกวโร่ ลงเป็น 11 ตัวแรก หลังเจ้าตัวเพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บ และกลับมาลงสนามในช่วงท้ายเกมที่ต้นสังกัดเปิดบ้านแพ้แมนยู 2-3 ในเกมลีกนัดล่าสุด

กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์น่าจะสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับหงส์แดงได้พอสมควร ซึ่งในเกมแรกจะเห็นได้ว่า กาเบรียล เฆซุส ไม่สามารถทดแทนได้แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกม โดยฤดูกาลนี้ “เอลกุน” กระหน่ำไปแล้วถึง 30 ประตูทุกรายการ

ขณะที่ ซาลาห์ กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และมั่นใจสุดๆ หลังซัดไปแล้ว 39 ประตูทุกรายการ ซึ่งเกมแรกจะเห็นได้ว่าเขาสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับแมนซิตี้แค่ไหน ซึ่งทั้งสองคนน่าจะเป็นตัวแปสำคัญของเกมนี้

5 ประเด็นเด่นก่อนเกมชปล. แมนซิตี้ ปะทะ ลิเวอร์พูล 4.แท็คติก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ถือเป็นสุดยอดกุนซือที่ดีที่สุด เมื่อพูดถึงสไตล์การเล่นที่มีทีเด็ดในการบุก และการต่อบอลที่รวดเร็ว ซึ่งทั้งสองต่างมีสไตล์ที่ใกล้เคียงกัน

แน่นอนว่าเกมนี้ เป๊ป จะต้องปรับแท็คติกต่างจากเกมแรกพอสมควร หลังไม่สามารถเจาะแนวรับลิเวอร์พูลได้เลย บวกกับเกมรับที่อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงผู้เล่นบางตำแหน่งซึ่งเกมแรกจะเห็นได้ว่าผู้เล่นแนวรับมีข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยทำให้ทีมเสียประตูแบบไม่น่าให้อภัย รวมถึงการจับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ให้อยู่หมัด และเราน่าจะได้เห็นเรือใบสีฟ้าเปิดเกมรุกแบบไม่ลืมหูลืมตา

5 ประเด็นเด่นก่อนเกมชปล. แมนซิตี้ ปะทะ ลิเวอร์พูล 3.เควิน เดอ บรอยน์

มิดฟิลด์ชาวเบลเยียมถือเป็นแกนหลักในแดนกลางที่เป็นกำลังสำคัญช่วยทีมประสบความสำเร็จมากอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าหากเกมนี้เจ้าตัวเรียกฟอร์มเก่งออกมาน่าจะสามารถสร้างจุดเปลี่ยนของเกมได้เลย และจากการที่ทีมต้องเปิดเกมบุกใส่อย่างเต็มที่จะทำให้เขามีบทบาทกับทีมมากสุดในสนาม

5 ประเด็นเด่นก่อนเกมชปล. แมนซิตี้ ปะทะ ลิเวอร์พูล 2.ลิเวอร์พูล ไร้ ชาน-เฮนโด้

สภาพทีมเกมนี้ที่แน่ๆ คล็อปป์จะไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ติดโทษแบน หลังสะสมใบเหลืองครบโควตา รวมไปถึงโฌแอล มาติป (ต้นขา), อดัม ลัลลาน่า (เอ็นหลังหัวเข่า),โจ โกเมซ (ข้อเท้า) และ เอ็มเร่ ชาน (หลัง) ที่บาดเจ็บทั้งหมด

เกมแรกแม้จะไม่มี ชาน แต่ เฮนเดอร์สัน ก็สามารถเล่นทดแทนได้อย่างไร้ข้อกังขา ประสานงานร่วมกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ เจมส์ มิลเนอร์ ในแดนกลางอย่างลงตัว แต่เกมนี้จะไม่มี เฮนโด้ มาช่วยเล่นเกมรับ โดยจะเป็น จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ที่จะถูกส่งลงมาแทน ซึ่งจุดนี้เองอาจทำให้เกมรับของหงส์แดงมีประสิทธิภาพที่ลดลงไป

5 ประเด็นเด่นก่อนเกมชปล. แมนซิตี้ ปะทะ ลิเวอร์พูล 1.สภาพความฟิตของทั้งสองทีม

แม้แมนซิตี้ จะดร็อปผู้เล่นตัวหลักไว้บนม้านั่งสำรองในเกมกับแมนยูเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, กาเบรียล เฆซุส, เซร์คิโอ อเกวโร่ และ ไคล์ วอล์คเกอร์

อย่างไรก็ตาม หลังจากแมนซิตี้ โดนตีเสมอ 2-2 ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จำเป็นต้องส่งผู้เล่นตัวหลักลงมาบดสู้เพื่อหวังทวงประตูคืนจากแมนยูให้ได้ โดยเฉพาะ อเกวโร่ ที่เพิ่งหายเจ็บยังไม่ฟิตสมบูรณ์ ทำให้นักเตะเหล่านี้ไม่ได้พักอย่างเต็มที่เพื่อเก็บแรงไว้อัดกับลิเวอร์พูลแบบเต็มสูบ นี่จึงเป็นเรื่องที่หงส์แดงน่าจะได้เปรียบอยู่พอสมควร


ที่มา : siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน (นัดที่ 29 ฤดูกาล 2017-18)

วันจันทร์ที่ 09 เมษายน 2561

แอร์เบ ไลป์ซิก 1 – 4 เลเวอร์คูเซ่น
Airbus Leipzig 1 – 4 Leverkusen

สนาม: เร้ด บูลล์ อารีน่า, (ไลป์ซิก)

แอร์เบ ไลป์ซิก เจ้าบ้านภายใต้การคุมทัพของราล์ฟ ฮาเซ่นฮึทเทิ่ล วาง ยุสซุฟ โพลเซ่น ยืนหน้าคู่กับ ติโม แวร์เนอร์

ส่วน “ห้างยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ยังไม่มี ลูคัส อลารีโอ ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ที่ติดค้างโทษแบน โดยจัดสามประสานแดนหน้า ไค ฮาแวร์ตซ์, เควิน โฟลลันด์ และ ยูเลี่ยน บรันด์ท ลงกระซวกตาข่าย

เปิดเกมครึ่งแรกมาได้ 4 นาที เลเวอร์คูเซ่น ได้โอกาสก่อนจากจังหวะที่ โยนาธาน ทาห์ ขึ้นโขกลูกฟรีคิกให้กับ ยูเลี่ยน บอย์มการ์ตลิงเกอร์ โหม่งในกรอบเขตโทษ แต่ ปีเตอร์ กูลัคซี่ นายทวารของแอร์เบ ไลป์ซิก ปัดทิ้งออกหลังไปได้ทัน

ผ่านมา 17 นาที แอร์เบ ไลป์ซิก มาได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ กระดกบอลขึ้นหน้าให้ ยุสซุฟ โพลเซ่น โขกชงกลับมาให้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ วิ่งมาง้างเท้าวอลเลย์ด้วยขวาบอลเสียบเสาซ้ายเข้าประตูไปสุดงาม

สองนาทีต่อมา เลเวอร์คูเซ่น จำเป็นต้องเปลี่ยนเอา พานาจิโอติส เร็ตซอส ลงเล่นแทน สเวน เบนเดอร์ ที่มีอาการบาดเจ็บ

ครึ่งชั่วโมงของเกมการแข่งขัน ห้างยา บุกขึ้นมาทาง ไค ฮาแวร์ตซ์ จ่ายทะลุให้กับ ยูเลี่ยน บรันด์ท ซัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษติดเซฟของ ปีเตอร์ กูลัคซี่ นายทวารไลป์ซิก

นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ห้างยา ตามตีเสมอ 1-1 เมื่อโต้กลับเร็วขึ้นมาทาง เลออน ไบลี่ย์ กระชากขึ้นทางกราบขวา ก่อนโยนเข้ากลางให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เติมขึ้นมาวอลเลย์ด้วยซ้าย บอลโดนหน้าแข้ง แต่ทิศทางดีเบียดเสาซ้ายเข้าไป หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1

มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่ 6 นาที เลเวอร์คูเซ่น มาได้ประตูแซงนำ 2-1 เมื่อ แบร์นด์ เลโน่ ผู้รักษาประตูเตะเปิดเกมยาวขึ้นหน้าให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ขึ้นโหม่งเช็ดให้ เควิน โฟลลันด์ จับบอลกระฉอกมาเข้าทางของ ยูเลี่ยน บรันด์ท สับด้วยซ้ายทันทีส่งบอลเสียบมุมขวาเข้าไป

กระเถิบมานาทีที่ 56 ห้างยา มาได้ประตูนำห่าง 3-1 จากจังหวะที่เปิดฟรีคิกจากกราบซ้ายเข้ามาในกรอบเขตโทษ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ปราการหลังของไลป์ซิก โหม่งสกัดมาเข้าทาง พานาจิโอติส เร็ตซอส ของเลเวอร์คูเซ่น ที่ยืนอยู่เสาสอง ตะบันด้วยขวาบอลติดไซด์ก้อยนิดๆ เสียบเสาแรกเข้าไป และเป็นประตูแรกของเร็ตซอส ในบุนเดสลีกา ซีซั่นนี้

เขยิบมานาทีที่ 63 ทีมเยือนจำเป็นต้องเปลี่ยน เวนเดลล์ ที่ข้อเท้าซ้ายบิดออกมาพักแล้วส่ง
เบนยามิน เฮนริคส์ ลงมาเล่นแทน

หกนาทีต่อมา เลเวอร์คูเซ่น นำขาด 4-1 เมื่อ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กองหลังไลป์ซิก เปิดบอลพลาดโดนทีมเยือนตัดได้ ก่อนบอลมาถึง ยูเลี่ยน บรันด์ท เปิดจากกราบขวาเข้ามาให้ เควิน โฟลลันด์ ยิงด้วยซ้ายจากกลางกรอบเขตโทษ บอลเสียบมุมขวาเข้าไป และเป็นประตูที่ 11 ของโฟลลันด์ ในบุนเดสลีกา ซีซั่นนี้

ล่วงเลยมานาทีที่ 79 เลเวอร์ฯ ยังไม่เพลาเกมรุก ยูเลี่ยน บรันด์ท จ่ายให้กับ เบนยามิน เฮนริคส์ ยิงด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านขวา เล่นเอา ปีเตอร์ กูลัคซี่ นายทวารไลป์ซิก ต้องปัดทิ้งออกหลังไป

เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันอีกไม่ได้ จบเกม เลเวอร์คูเซ่น ยกพลบุกมาถล่ม แอร์เบ ไลป์ซิก 4-1 เก็บสามแต้มสำคัญ เขยิบแซงขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ของตารางแล้ว

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แอร์เบ ไลป์ซิก: ปีเตอร์ กูลัคซี่ – ลูคัส คลอสเตอร์มันน์, วิลลี่ ออร์บาน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, แบร์นาร์โด้ – เควิน คัมเพิ่ล, นาบี เกอีต้า (สเตฟาน อิลซานเคอร์ น.76) – มาร์เซล ซาบิตเซอร์, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก – ยุสซุฟ โพลเซ่น (บรูม่า น.56), ติโม แวร์เนอร์ (อเดโมล่า ลุคแมน น.69)
สำรองไม่ได้ใช้: อีฟยง เอ็มโวโก้ (ผู้รักษาประตู) – อิบราฮิม่า โกนาเต้, ฌอง-เควิน โอกุสแต็ง, ดีเอโก้ เด็มเม่

เลเวอร์คูเซ่น: แบร์นด์ เลโน่ – โยนาธาน ทาห์, สเวน เบนเดอร์ (พานาจิโอติส เร็ตซอส น.19), เวนเดลล์ (เบนยามิน เฮนริคส์ น.63) – ลาร์ส เบนเดอร์ (ทิน เยดวาย น.68), ยูเลี่ยน บอย์มการ์ตลิงเกอร์, ชาร์ลส์ อรานกิซ, เลออน ไบลี่ย์ – ไค ฮาแวร์ตซ์, เควิน โฟลลันด์, ยูเลี่ยน บรันด์ท
สำรองไม่ได้ใช้: รามาซาน เอิซคาน (ผู้รักษาประตู) – สเตฟาน คีสลิ่ง, โดมินิค คอห์ร, คาริม เบลลาราบี้

ผู้ตัดสิน: เดนิซ อายเตคิน


ที่มา :Siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ฟุตบอล ลาลีกา สเปน

วันอาทิตย์ที่ 08 เมษายน 2561

เรอัล มาดริด 1-1 แอต.มาดริด
Real Madrid 1-1 Atletico Madrid

สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

“ราชันชุดขาว” พัก ลูก้า โมดริช, กาเซมีโร่ และ คาริม เบนเซม่า แต่ยังมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวชูโรงกับ แกเร็ธ เบล ด้าน “ตราหมี” จัดให้ อองตวน กรีซมันน์ ประสานงานแดนหน้ากับ ดีเอโก้ คอสต้า ในเกม “เอล เดร์บี้ มาดริเลนโญ่”

ออกสตาร์ตไปได้ 10 นาที เรอัล มาดริด ได้ออกอาวุธก่อน จากจังหวะเปิดบอลเข้าเขตโทษให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงเต็มข้อ บอลพุ่งเข้าหากรอบน้ำหนักดีมาก แต่ยังทำอะไร ยาน โอบลัค ไม่สำเร็จ

ผ่านมาถึงนาทีที่ 28 เจ้าบ้านกดดันต่อเนื่อง จากจังหวะเปิดบอลเข้าเขตโทษ บอลขลุกขลิกทางซ้าย ราฟาแอล วาราน ปรี่เข้าไปยิงแต่ติดเซฟ

จังหวะต่อมา แอต.มาดริด เกือบจะได้ประตูนำ จากจังหวะที่ ดีเอโก้ คอสต้า พาบอลหลุดมาทางขวา ลากเข้าเขตโทษ แล้วตะบันด้วยขวาเล็งหาโคนเสาแรก แต่โดน เกย์ลอร์ นาวาส พุ่งไปปัดออกหลังได้อย่างหวุดหวิด

เลยมาถึงนาทีที่ 40 เรอัล มาดริด พลาดได้ประตูอย่างไม่น่าเชื่อ มาร์เซโล่ เติมเกมมารับบอลทางซ้าย ลากตัดเข้าในไปตรงกลางปั่นด้วยขวา บอลโค้งผ่านมือ โอบลัค ไปแล้วแต่ชนสามเหลี่ยมเสาสอง จากนั้นเด้งมาเข้าทาง ดานี่ การ์บาฆาล หวดซ้ำด้วยขวาจากทางขวานอกเขตโทษเล็งหาเสาแรก แต่ยังไม่ผ่านมือ โอบลัค ครบ 45 นาทีแรก เรอัล มาดริด ยังเสมอกับ แอต.มาดริด 0-0

กลับมาเตะครึ่งหลังกันได้ 8 นาที เรอัล มาดริด ออกนำไปก่อน 1-0 แกเร็ธ เบล พาบอลลากขึ้นทางซ้าย แล้วเปิดโค้งยาวเข้าเขตโทษมาทางเสาสอง บอลข้ามหัวกองหลังทีมเยือนมาเข้าเท้าขวาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วอลเล่ย์แบบไม่ต้องจับ กดบอลลงพื้นกระดอนผ่านมือ โอบลัค เข้าประตูไป

หลังจากนั้น 2 นาที เจ้าบ้านเกือบจะได้ประตูที่สอง จากการขึ้นเกมคล้ายๆเดิม เบล ได้บอลทางซ้าย เปิดเข้ากลาง ลูกัส บาซเกซ พยายามจะยิงแต่แป้ก บอลเกือบจะทะลักมาหาโรนัลโด้ แต่โดนสกัดออกไปก่อน

กระทั่งนาทีที่ 57 แอต.มาดริด ตีเสมอ 1-1 ทันควัน กรีซมันน์ จ่ายบอลให้ บีโตโล่ สอดเข้าไปรับทางขวาของเขตโทษเจ้าบ้าน จังหวะแรกพยายามจะดีดให้ผ่านตัวนาวาส แต่โดนบล็อค บอลทะลักมากลางเขตโทษ กรีซมันน์ ซ้ำด้วยซ้ายอย่างเนียน ส่งบอลแฉลบเท้าวารานเข้าประตูไป

จังหวะต่อมา แอต.มาดริด เกือบจะพลิกนำ ดานี่ การ์บาฆาล สกัดบอลออกจากเขตโทษไม่ขาด บอลมาเข้าทาง โกเก้ วอลเล่ย์ด้วยเต็มข้อ แต่ เกย์ลอร์ นาวาส ยังไม่ยอม เซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

เลยมาถึงนาทีที 70 แอต.มาดริด ทำเกมโต้กลับมาทางขวาโดย ซาอูล ญี่เกซ ล็อกเข้าเหลี่ยมเท้าซ้ายแล้วปั่นทันที แต่บอลเลยหลุดเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมแทบไม่มีโอกาสยิงเพิ่ม ครบ 90 นาทีแรก เรอัล มาดริด เสมอกับ แอต.มาดริด 1-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด : เกย์ลอร์ นาวาส – ดานี่ การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, มาร์เซโล่ – ลูกัส บาซเกซ, มาเตโอ โควาซิช (ลูก้า โมดริช น.72), โทนี่ โครส, มาร์โก อาเซนซิโอ (อีสโก้ น.72)- แกเร็ธ เบล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (คาริม เบนเซม่า น.64)

สำรอง : กีโก้ กาซีย่า, กาเซมิโร่, เตโอ เอร์นานเดซ, มาร์กอส ยอเรนเต้

แอต.มาดริด : ยาน โอบลัค – ฆวนฟราน ตอร์เรส, สเตฟาน ซาวิช, ดีเอโก้ โกดิน, ลูก้าส์ เอร์นานเดซ – บีโตโล่ (อังเคล กอร์เรอา น.61), ซาอูล ญีเกซ, โตมัส ปาร์เตย์ (เควิน กาเมโร่ น.82), โกเก้ – อองตวน กรีซมันน์, ดีเอโก้ คอสต้า (กาบี เฟร์นานเดซ น.71)

สำรอง : เฟร์นานโด ตอร์เรส, ซีเม เวอร์ซัลจ์โก้, อักเซล เวร์เนอร์, อันโตนิโอ มอนโตโร่

ผู้ตัดสิน : ฆาเบียร์ เอสตราด้า


ที่มา : Simsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

 

อาร์แซน เวนเกอร์ ซูฮก แดนนี เวลเบค หลังยิง 2 ลูกพา “ปืนใหญ่” เฉือน “นักบุญ” 3-2 ชมเปาะกองหน้าวัย 27 ปีกลับมาโชว์ฟอร์มเฉียบเหลือเชื่อ ทั้งที่เจออาการบาดเจ็บรุมเร้ามาตลอด


 

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซนอล ยอดทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาแสดงความชื่นชม แดนนี เวลเบค ดาวยิงของทีม ที่เพิ่งโชว์ฟอร์มทำ 2 ประตู ช่วยให้ “ปืนใหญ่” เปิดบ้านเฉือน “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน หวุดหวิด 3-2 ในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของหัวหอกวัย 27 ปี ซึ่งยิงประตูในลีกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ทั้งที่เจ้าตัวเจออาการบาดเจ็บรุมเร้ามาโดยตลอด

กุนซือ “ปืนใหญ่” กล่าวว่า “แดนนี เวลเบค เล่นได้เฉียบคมขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะเขาพลาดการลงสนามมาพักใหญ่ ๆ เขาอาจเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา และรู้สึกว่ามีอุปสรรคที่หนักหนาเกินกว่าจะย้ามไปได้ เขาเจ็บทั้งเข่าขวา เข่าซ้าย และต้องพักร่วมปีทั้ง 2 ครั้ง แต่เขาทำงานหนักโดยที่ไม่ต้องมีใครเห็น หลายคนตั้งคำถามว่าเขาจะกลับมาได้ไหม เพราะมันเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดที่คนในวงการกีฬาคนหนึ่งจะต้องเจอเลยก็ว่าได้ แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันยอดเยี่ยมมาก ๆ”

ที่มา : Dailynews

 


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

หน้าก่อนหน้าหน้าถัดไป » [top-banner9]