ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์นี้ เป็นเกมที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอย หงส์แดง ลิเวอร์พูล มีคิวเปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ เรือใบสีฟ้า ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก หลังจากที่ทั้งสองทีมต่างเก็บสามแต้มในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังจอมเกร่งของ ลิเวอร์พูล พูดถึงเกมสำคัญที่จะถึงนี้ว่า “ตื่นเต้นมาก มันเป็นเกมรองก่อนรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก และผมไม่เคยเล่นในระดับนี้มาก่อน”
“ผมตั้งตารอที่จะได้ลงเล่นในบรรยากาศอันยอดเยี่ยมที่แอนฟิลด์ และหวังอย่างยิ่งว่าเราจะมีความสุขหลังเกมด้วย”
“ผมเคยดูเกมใหญ่ยุโรปที่แอนฟิลด์มาก่อน และรู้ว่าพวกเขามีความพิเศษมาก บรรยากาศของสนามจะช่วยเราได้มาก มันขึ้นกับนักเตะที่ต้องทำผลงานในสนาม”
“แน่นอนเลยเรารู้ว่า พวกเขาแพ้เป็น แต่นี่เป็นเกมที่แตกต่าง วันพุธนี้เป็นเพียงนัดแรก เราต้องโฟกัสและเตรียมตัวให้ดี”
ที่มา : Buaksib
แซร์คิโอ้ อเกวโร่ ดาวยิงตัวเก่งของทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้เขาแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการยิงประตู แต่เจ้าตัวโชคร้ายได้รับอาการบาดเจ็บรบกวนที่บริเวณหัวเข่าระหว่างการฝึกซ้อม ก่อนเกมเอาชนะสโต๊ค ซิตี้เมื่อวันที่ 12 มีนาคม แรกเริ่มแพทย์ประจำทีมคาดการณ์ว่า เขาต้องพัก 2-3 สัปดาห์ แต่หลังเอาชนะเอฟเวอร์ตัน กวาร์ดิโอล่าก็เปรยว่า นักเตะอาจกลับมาเป็นตัวสำรองที่แอนฟิลด์ได้
“เราจะได้เห็นกัน เขายังคงไม่ได้ซ้อม”
“หวังว่าเขาจะดีขึ้นมาก พรุ่งนี้เราจะได้เห็นกัน ในสถานการณ์เหล่านี้มันต้องดูไปทีละวัน หวังว่าเขาจะช่วยเราได้”
“บางทีมันอาจไม่ใช่ตั้งแต่เริ่มเกม บางทีมันอาจเป็นที่ม้านั่งสำรอง”
“หรือเพราะหลังจากนั้นเรามีเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหลังจากนั้นคุณก็มีเกมกับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ 2 บางทีคุณอาจต้องเปลี่ยนระบบ และมีกองหน้า 6 คนเพื่อคว้าชัยชนะในเกม เราจึงต้องการ อเกวโร่,กาเบรียล เฮซุส ,ลูคัส เอ็นเมช่า,ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และทุกๆคน”
“ดังนั้นการเจอกับลิเวอร์พูลไม่ใช่เพียงเกมเดียว มันเป็น 180 นาที เราต้องพยายามและโชว์ฟอร์มให้ดีที่นั่นเพื่อเกมนัดที่ 2” กวาร์ดิโอล่า กล่าว
ที่มา : Buaksib
เควิน เดอ บรอยน์ ตัวปันเกมแดนกลางทีมชาติเบลเยี่ยม สารภาพว่าไม่ง่ายที่จะเอาชนะทีมของโจเซ่ มูรินโญ่ที่กำลังฟอร์มดีแต่หากทำสำเร็จจะได้รับการจารึกบนหน้าประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย
จากเกมชนะเหนือ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการชัยชนะในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์จะการันตีแชมป์ทันที หลังปัจจุบันนำเป็นจ่าฝูงทิ้งห่างถึง 16 คะแนน
“เรามีความกระหายอยู่ในห้วงเวลาแบบนี้นี่แหละที่เราอยากได้ “
“คุณเล่นมาหลายเกมตลอดทั้งฤดูกาล คุณพยายามทำผลงานให้ออกมาดีเพื่อมายืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดและรักษาให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ดังนั้นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเป็นอะไรที่พิเศษสุด แฟนๆอยากเห็นโมเมนต์เฉลิมฉลองที่เอาชนะทีมคู่ปรับร่วมเมือง”
“คุณคงตระหน้กดีว่าระหว่างทั้งสองทีมต่อสู้ชิงชัยมาโดยตลอด คุณคงรู้ประวัติศาสตร์ ดังนั้นมันจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปโดยปริยาย” เดอ บรอยน์ กล่าว
ที่มา : buaksib
โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ปีกจอมถล่มประตูทีมชาติอียิปต์ เพิ่งสวมบทฮีโร่พังประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล พลิกสถานการณ์กลับมาแซงชนะคริสตัล พาเลซ ถึงถิ่น 2-1 ทำให้เขายังเดินหน้าสร้างสถิติยิงนำดาวซัลโวในพรีเมียร์ลีกที่ 29 ประตู
กวาร์ดิโอล่า ยอมรับนอกจากต้องจับตา ซาล่าห์ แล้วไม่ควรมองข้ามตัวอันตรายสองประสานอย่าง ฟิร์เมียโน่ และ ซาเน่ ที่ประสานงานกันอย่างลงตัว
“แน่นอนในฐานะผู้จัดการทีม นับจากนี้เกมกับ ลิเวอร์พูล ได้เข้าไปอยู่ในหัวสมองของผมหมดแล้ว”
“แต่ผมคงไม่ระมัดระวัง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ เป็นพิเศษ เพราะไม่มีแค่เขาเท่านั้น ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟิร์เมียโน่ ต่างอันตรายพอๆกัน นี่คือสามประสานแดนหน้าที่อะไรก็ฉุดไม่อยู่”
“ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่มีนักเตะมหัศจรรย์หลายคน สไตล์การเล่นของพวกเขาสร้างความยุ่งเหยิงให้เราอย่างมาก เราตระหนักเรื่องนี้ดี กองหน้าของพวกเขาไวมากๆ ดังนั้นเราจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ” เป็ป กล่าว
เชลซี
วิลลี่ กาบาเยโร่ 5
การยืนผิดตำแหน่งทำให้เขาหมดสิทธิ์เซฟลูกยิงของเอริกเซ่น
เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า 5
ตามประกบ เดเล่ อัลลี่ พลาดทำให้เสียประตูที่สอง วันนี้ดูต่ำกว่ามาตรฐาน
อันเดรียส คริสเตนเซ่น 5
เจอแนวรุกของสเปอร์สปั่นป่วนในครึ่งหลังจนพลาดหลายครั้ง
อันโตนิโอ รือดิเกอร์ 5
ครึ่งหลังตามประกบซน ซน เฮือง มิน พลาด
วิคเตอร์ โมเสส 5
เล่นเกมรุกได้โดดเด่น ครอสบอลเข้าหัวโมราต้าแบบสวยงาม แต่พลาดทำเสียบอลจนนำมาซึ่งประตูแรก
เชส ฟาเบรกาส 5
มีลูกจ่ายสวยๆบ้าง แต่แทบจะดดนลักพาตัวหายไปทั้งเกม
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ 6.5
ทำหน้าที่อย่างหนักในการตัดเกมแดนกลาง แต่น่าเข้ามาบล็อคลูกยิงของเอริกเซ่นได้เร็วกว่านี้
มาร์กอส อลอนโซ่ 6
เกือบมีชื่อทำประตูแต่ล้ำหน้า มีโอกาสทำประตู 2-3 ครั้งแต่พลาดไป
วิลเลี่ยน 6
เป็นนัดที่สองแล้วที่เจ้าตัวยิงไม่ได้ หลังจากก่อนหน้านี้ยิงไป 4 ลูกจาก 3 เกม บทบาทในเกมรุกน้อยมาก
เอแด็น อาซาร์ 5
ปั่นป่วนแนวรับสเปอร์สได้บ้าง แต่วันนี้ยกระดับเกมรุกของทีมไม่ได้
อัลบาโร่ โมราต้า 6.5
ชิงโหม่งทำประตูแรกได้สวยงาม แต่หลังจากนั้นดูเหมือนจะเงียบหายไป
ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 5
ลงมาช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่
เอเมอร์สัน 5
พยายามเติมเกมบุกทางฝั่งซ้าย แต่ยังทำอะไรไม่ได้มาก
คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย
ไม่มีคะแนน
สเปอร์ส
อูโก้ โยริส 5.5
เซฟลูกยิงของลิเลี่ยนได้ดี แต่มีออกมาตัดบอลพลาดทำให้เสียประตู
คีแรน ทริปเปียร์ 6.5
โดนอลอนโซ่ ปั่นป่วนอยู่นานในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังทำได้ดีขึ้น เติมขึ้นไปเปิดบอลหลายครั้งแต่ไม่ค่อยเข้าเป้า
ดาวิดซอน ซานเชซ 7.5
ประกบโมราต้าพลาดจนเสียลูกแรก แต่ทั้งเกมสามารถสกัดจังหวะสำคัญได้ตลอด
แยน แฟร์ทองเก้น 8
ยืนแนวรับได้แข็งแกร่ง เคลียร์บอลได้หลายจังหวะ เป็นหัวใจในแนวรับ
เบน เดวิส 7
ครึ่งแรกปล่อยให้โมเสส หลุดมาอยู่หลายครั้ง แต่ครึ่งหลังประกบได้แบบอยู่หมัด
เอริก ดายเออร์ 8
ตัดเกมแดนกลางของเชลซีได้แบบอยู่หมัด แถมจ่ายโยนบอลยาวให้อัลลี่เข้าไปทำประตูอย่างสวยงาม
มุสซ่า เด็มเบเล่ 7
ถึงแม้จะไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของเขา มีจ่ายบอลเสียบ้าง แต่สู้แดนกลางกับเชลซีได้ดี ใช้ความแข็งแกร่งได้เป็นประโยชน์
เอริค ลาเมล่า 7
ถึงจะมีบทบาทกับเกมรุกน้อย แต่ต้องชมความขยันวิ่งไล่บอลของเขา
เดเล่ อัลลี่ 9
ต้งอชมการสอดขึ้นมายิงทั้งสองลูกในช่วงท้ายเกม เป็น 2 ประตูสำคัญให้ไก่เดือยทองคว้าสามแต้มกลับ
คริสเตียน เอริคเซ่น 8.5
ลูกยิงไกลสุดสวยของเขาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม มีบทบาทในเกมรุกอย่างมาก
ซน เฮือง มิน 7
มีโอกาสได้ยิงบ้างแต่ติดเซฟของกาบาเยโร่ วันนี้ดุทำเกมรุกไม่ค่อยถนัดเท่าที่ควร เพราะต้องเล่นตำแหน่งไม่ถนัด
ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม
แฮร์รี่ เคน 6
ลงมาช่วง 15 นาทีสุดท้าย วิ่งบีบผุ้เล่นเชลซีตลอด
วิคเตอร์ วานยาม่า
ไม่มีคะแนน
มุสซ่า ซิสโซโก้
ไม่มีคะแนน
ที่มา : siamsport
ทรรศนะ : เกตาเฟ่ เกมนี้จะขาดกองกลางกัปตันทีมอย่าง อะรัมบารี่ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ บรูโน กอนซาเลซ และ เจน ดาโกนัม ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี เฟย์ซัล ฟายร์ ลงคุมเกมแดนกลาง โดยมี ดิเอดิอู ขึ้นเกมรุกทางริมเส้นฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็น พอร์พิลโล เพื่อสนับสนุนคู่กองหน้าอย่าง จอร์จ โมลินา และ โรดรีเกซ ดิแอซ ด้าน เรอัล เบติส มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ซานาเบรีย และ เฟดดัล เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ อาอิสซ่า มานดี้ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ มาร์ก บาร์ตรา แดนกลางใช้ คาบี การ์เซีย , กวาร์ดาโด้ และ ฟาเบียน รุยซ์ ลงทำเกมร่วมกัน โดยมี โจอาควิน ลงยืนอยู่ในแดนหน้า นัดนี้ทั้ง 2 ทีม มีคุณภาพทีมที่ไม่แตกต่างกันมาก เกมนี้้น่าจะสู้กันอย่างสูสี นัดนี้มองว่า เกตาเฟ่ มีเกมในบ้านที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นทีมที่เสียประตูค่อนข้างจะยากอีกด้วย และเกมนี้ เกตาเฟ่ จะเฉือนเอาชนะไปได้
ฟันธง: เกตาเฟ่ ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : เปรสตัน เกมนี้จะไม่มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ พอล ฮันทิงตัน ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ เบน เดวีส์ แดนกลางมี จอห์นสัน ลงคุมเกมร่วมกับ เบน เพียร์สัน โดยมี อลัน บราวน์ คอยทำเกมรุกอยู่หลังกองหน้าตัวเป้าอย่าง ชอน มาไกวร์ ด้าน ดาร์บี้ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ซัม วินนาลล์ และ มาร์คัส โอลซ์สัน ที่ยังคงมีอารบาดเจ็บ นัดนี้ใช้คู่เซ็นเตอร์ตัวจริงอย่าง เคอร์ติส เดวีส์ และ ริชาร์ด กีออกห์ ลงเล่นในแดนหลัง ส่วนแดนกลางมี ฮัดเดิลสโตน ลงคุมเกมร่วมกับ แบรดลีย์ จอห์นสัน โดยให้ มาเตย์ วีดรา ลงทำเกมรุกอยู่ข้างหลัง แคเมอรอน เจอโรม ที่ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ฟอร์มของ เปรสตัน นัดล่าสุดเพิ่งจะสะดุดแพ้ให้กับ เชฟฟิลด์ เวนสเดย์ มา ด้าน ดาร์บี้ ถือว่ามีฟอร์มที่ค่อนข้างแย่ เพราะไม่ชนะใครมาถึง 8 นัดติดต่อกัน และนัดล่าสุดเพิ่งเปิดบ้านแพ้ให้กับ ซันเดอร์แลนด์ มา นัดนี้ยังมองว่า เปรสตัน จะกลับมาคืนฟอร์มเก่ง และเปิดบ้านเอาชนะ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ ไปได้
ฟันธง: เปรสตัน ชนะ 2-0
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : เบอร์ตัน อัลเบี้ยน มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง วิลเลียม มิลเลอร์ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เนย์เลอร์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ แมคแฟดเซน แดนกลางมี ลูค เมอร์ฟี่ ลงคุมเกมร่วมกับ ดาเวนพอร์ต โดยให้ เจมี่ อัลเลน ลงทำเกมรุกให้กับกองหน้าตัวเป้าอย่าง แดร์เรน เบนต์ ด้าน มิดเดิลสโบรห์ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ฟาบิโอ และ รูดี้ เกสเตเด้ เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ อายาลา และ เบน กิบสัน ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี อดัม เคลย์ตัน ลงทำเกมร่วมกับ จอนนี โฮว์สัน โดยมี แพทริค แบมฟอร์ด ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ฟอร์มของ เบอร์ตัน ยังถึอว่าย่ำแย่ เพราะแพ้มา 3นัดติดต่อกันแล้ว ส่วน มิดเดิลสโบรห์ นัดล่าสุดเพิ่งจะสะดุดแพ้ให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน มา นัดนี้ยังมองว่า มิดเดิลสโบรห์ ยังต้องการคะแนนเพื่อลุ้นพื้นที่ในการไปเตะเพลย์ออฟ เพื่อเลื่อนชั้น นัดนี้คงจะต้องเน้นเป็นพิเศษ และจะบุกไปชนะ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน ถึงในบ้านได้
ฟันธง: มิดเดิลสโบรห์ ชนะ 2-0
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : บริสตอล ซิตี้ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง โอ’ดาวดา และ แมตต์ เทย์เลอร์ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เอเดน ฟลินต์ และ เบลลีย์ ไรท์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์ร่วมกัน แดนกลางมี โครีย์ สมิธ ลงทำเกมร่วมกับ มาร์ลอน แพ็ค โดยมีคู่กองหน้าอย่าง ฟามาร่า ดิดิอู และ บ็อบบี รีด ด้าน เบรนท์ฟอร์ด มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ริโก เฮนรี และ บีเยลลานด์ เนื่องจากยังมีอาการบาดเจ็บ ส่วน ไรอัน วู้ดส์ จะติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ คริส เมฟแคม ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ จอห์น อีแกน แดนกลางมี โมคอทโจ ลงคุมเกม โดยให้ ซอว์เยอร์ส ลงทำเกมรุกให้กับกองหน้าตัวเป้าอย่าง มาร์คอนเดส ทั้งสองทีมมีคุณภาพทีมที่ไม่ต่างกันมาก นัดนี้มองว่า บริสตอล ซิตี้ มีเกมในบ้านที่เป็นจุดเด่น และเกมในบ้าน 5 นัดหลังสุดยังไม่แพ้ใครเลย และนัดนี้ บริสตอล ซิตี้ จะเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ไปได้
ฟันธง: บริสตอล ซิตี้ ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : อิปสวิช เกมนี้มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ถึง 6 คน และ นัดนนี้จะใช้ เว็บสเตอร์ , แชมเบอส์ และ คาร์เตอร์-วิคเกอร์ส ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี คอนนอลลี ลงทำเกมร่วมกับ โคล สคูส ส่วนคู่กองหน้าใช้ คารายอล และ วาจฮอร์น ด้าน มิลล์วอลล์ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง เว็บสเตอร์ และ เบน ทอมป์สัน เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เจค คูเปอร์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ ฮัตชินสัน แดนกลางมี ซาวิลล์ ลงทำเกมร่วมกับ วิลเลียมส์ เพื่อสนับสนุนคู่กองหน้าอย่าง ลี เกร็กกอรี่ และ สตีฟ มอริสัน อิปสวิช มีฟอร์มที่ค่อนข้างจะย่ำแย่ เพราะแพ้มาถึง 3นัดติดต่อกันแล้ว ผิดกับทาง มิลล์วอลล์ ที่มีฟอร์มการเล่นค่อนข้างที่จะร้อนแรง เพราะชนะมา 4นัดติดต่อกันแล้ว อีกทั้ง อิปสวิช มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บถึงครึ่งทีม นัดนี้มองว่าไม่น่าต้าน มิลล์วอลล์ ได้
ฟันธง: มิลล์วอลล์ ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [80%]