ทรรศนะ : อูดิเนเซ่ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ลาซซาน่า , โฟฟานา , เบห์รามี , แองเจลลา และ ฮอลล์เฟร็ดส์สัน ทั้งหมดยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ ซาเมียร์ , ดานิโล และ เยนส์ ลาร์เซ่น ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี ยาคุบ ยังค์โต้ ลงคุมเกมร่วกับ อันโตนีน บาราค โดยให้ โรดริโก เดอ ปอล ลงทำเกมรุกอยู่หลังกองหน้าตัวเป้าอย่าง มักซี โลเปซ ด้าน ฟิออเรนติน่า มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง มิลาน บาเดลจ์ และ เตเรอู ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เปซเซย่า และ วิตอร์ อูโก้ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์ร่วมกัน แดนกลางมี จอร์แดน แวร์ตูร์ ลงทำเกมร่วมกับ เบนาสซี โดยมี ซิเมโอเน ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ฟอร์มของ อูดิเนเซ่ ถือว่าย่ำแย่เป็นอย่างมาก เพราะแพ้มาถึง 7นัดติดต่อกันแล้ว ผิดกับทาง ฟิออเรนติน่า ที่ชนะมา 4นัดติดต่อกันแล้ว นัดนี้มองว่า ทีมที่มีฟอร์มที่ดี เจอกับทีมที่มีฟอร์มที่แย่ น่าจะเป็นฟอร์มที่ดีที่เอาชนะไปได้ อีกทั้งสถิติที่เจอกันมา 2 นัดหลังสุด เป็นทาง ฟิออเรนติน่า ชนะได้ทั้ง 2 นัด และนัดนี้ ฟิออเรนติน่า จะย้ำแค้นและเป็นฝ่ายชนะไปได้อีก 1 นัด
ฟันธง: ฟิออเรนติน่า ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [90%]
ทรรศนะ : วูล์ฟแฮมป์ตัน มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง แมตต์ โดเฮอร์ตี และ รูเบน เนเวช เนื่องจากติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ โคอาดี , วิลลี่ โบลีย์ และ ไรอัน เบนเนต ยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี โรแม็ง ซาอิสส์ ลงทำเกมให้กับ 3 ประสานในเกมรุกอย่าง กาวาไลโร่ , เอลแดร์ คอสต้า และ เบนิค อโฟบี้ ด้าน ฮัลล์ ซิตี้ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง เอวานโดร และ แอนกัส แม็กโดนัลด์ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ ไมเคิล ดอว์สัน และ เฮคเตอร์ ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี เฮนริคเซ่น ลงคุมเกมร่วมกับ ลาร์สสัน โดยมี เฮอร์นันเดซ ลงยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ฟอร์มของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ยังคงแรงต่อเนื่องหลังจากชนะมา 3นัดติดต่อกันแล้ว ส่วน ฮัลล์ ซิตี้ นัดล่าสุดเพิ่งจะเสมอกับ แอสตัน วิลลา มา นัดนี้มองว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน ยังแข็งแกร่งเวลาได้เล่นในบ้าน และยังมีนักเตะเกมรุกที่ทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ฮัลล์ ซิตี้ กำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มตก จะยังไม่กลับมาเล่นดีในเกมนี้อย่างแน่นอน
ฟันธง: วูล์ฟแฮมป์ตัน ชนะ 3-0
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : ฟูแล่ม ในเกมนี้ไม่มีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ ทิม รีม ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์ร่วมกับ เดนิส โอดัว แดนกลางมี แมคโดนัลด์ , ทอม แคร์นี่ย์ และ โยฮันเซ่น ลงทำเกมร่วมกัน โดยมี มิโตรวิช ยืนเป็นกองหน้าตัวปิดบัญชี ด้าน ลีดส์ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ลูค อายลิง , ชาฟเนสซี่ และ เคมาร์ รูฟ เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เพนนิงตัน และ ยานส์สัน ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์ร่วมกัน แดนกลางมี โรนัลโด วีร่า ลงคุมกม โดยให้ เอร์นันเดซ ขึ้นเกมรุกทางริมเส้นฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็น ซาอิส เพื่อสนับสนุนคู่กองหน้าอย่าง อีคูร์บาน และ ลาซองก้า ฟอร์มของ ฟูแล่ม ถือว่ามีฟอร์มที่ดี จาก 5นัดหลังสุด มีชนะได้ถึง 4นัด ด้าน ลีดส์ นัดล่าสุดเพิ่งเปิดบ้านเอาชนะ โบลตัน มาได้ นัดนี้ยังมองว่า ฟูแล่ม ยังจะอยู่ในฟอร์มที่ดีอยู่ อีกทั้ง ลีดส์ มีเกมเล่นเป็นทีมเยือน ถือว่าค่อนข้างจะแย่ เฉพาะเกมเยือนของ ลีดส์ ไม่ชนะใครมาถึง 8นัดหลังสุด และนัดนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็น่าจะแพ้ในการเล่นเป็นทีมเยือนอีกนัด
ฟันธง: ฟูแล่ม ชนะ 2-0
ความมั่นใจ : [90%]
ทรรศนะ : แอสตัน วิลล่า มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง แซมบา ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ จอห์น เทอร์รี ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์กับ เจมส์ เชสเตอร์ แดนกลางใช้ ไมล์ เยดินัค ลงคุมเกม โดยมี เฮาริฮาน และ แจ็ก กรีลิช คอยทำเกมรุกเพื่อสนับสนุนกองหน้าอย่าง โจนาธาน คอดเจีย ด้าน เร้ดดิ้ง มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อยู่ถึง 8คน เป็นนักเตะตัวหลัก อย่าง พอล แม็คเชน , แกแร็ธ แม็คเคลียรี่ , บูวาร์สสัน และ เคอร์มอแก้น นัดนี้จะใช้ อิลอรี และ เลียม มัวร์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กัน แดนกลางมี เลียม เคลลี ลงทำเกมร่วมกับ เอ็ดเวิร์ดส์ ส่วนกองหน้าตัวเป้าใช้ คริส มาร์ติน นัดนี้มองว่า แอสตัน วิลล่า จะกลับมาคืนฟอร์มเก่ง หลังจากไม่ชนะใครมา 3นัดติดต่อกันแล้ว เพราะแอสตัน วิลล่า มีเกมในบ้านที่ถือว่าดีเลย อีกทั้ง เร้ดดิ้ง มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บเกือบครึ่งทีม และเกมนี้ แอสตัน วิลล่า จะเป็นผู้ที่คว้าชัยชนะไปได้
ฟันธง: แอสตัน วิลล่า ชนะ 3-1
ความมั่นใจ : [90%]
หัวหอกจอมเทคนิคกลับมาทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งโดยยิงประตูสำคัญใส่ลาซิโอช่วงท้ายเกมเมื่อเดือนก่อนและยิงประตูชัยใส่ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ในบอลยุโรปรอบที่ผ่านมา
เดล ปิเอโร่กล่าวว่า”เขาก้าวไปอีกระดับในทุกๆปี เขาแสดงให้เห็นอะไรมากมายในสองเกมนั้น (ลาซิโอกับสเปอร์ส)”
“เขาเป็นคนเก่ง มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ เราไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงคุณภาพของเขาหรอกนะ สิ่งที่ผมเห็นในทุกปีคือเขาเติบโตขึ้น บางทีนี่อาจเป็นปีของเขาก็ได้นะ”
“ปีนี้เขาออกสตาร์ตได้อย่างสุดยอด เขายิงสองประตูได้ในเกมเดียว เขาเล่นได้ดีมากเป็นคนขับเคลื่อนยูเว่ในช่วงแรกซึ่งสำหรับสโมสรแล้วมันคือช่วงที่ยากลำบาก”
“จากนั้นก็มาเจ็บแล้วเขาก็กลับมายิงประตูในเกมพบสเปอร์ส ในสัปดาห์เดียวกันนั้นเขายิงประตูใส่ลาซิโอที่โรม ซึ่งยูเว่มีโอกาสแซงนาโปลีขึ้นไป”
“มันน่าสนใจใคร่รู้จริงๆนะว่าสำหรับเขาแล้วฤดูกาลนี้จะจบลงอย่างไร”
ที่มา : soccersuck
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ลอนดอน)
อันโตนิโอ คอนเต้ นายใหญ่เชลซี เปลี่ยนทีมตำแหน่งเดียวจากชุดล่าสุด เลือกใช้ เชส ฟาเบรกาส แทน ติมูเอ้ บากาโยโก้ ตรงกลางสนาม ส่วนแนวรุกมีสามประสาน อัลบาโร่ โมราต้า, เอแด็น อาซาร์ และ วิลเลี่ยน ขณะที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือสเปอร์สได้ แฮร์รี่ เคน กลับมานั่งสำรอง ปล่อยให้ เดเล่ อัลลี่ รับภารกิจในการสร้างเกมรุกกับ ซน เฮือง มิน
เกมลอนดอนดาร์บี้เปิดฉากโดยแลกกันมันส์หยด สเปอร์ส ลุยใส่ไม่เกรงศักดิ์ศรี น.20 เจ้าถิ่นใกล้เคียงต่อการได้ประตูเมื่อ วิลเลี่ยน ได้บอลในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วสับไก แต่ติดเซฟ อูโก้ โยริส หวุดหวิด
นาทีต่อมา จากลูกเปิดทางกราบขวา มาร์กอส อลอนโซ่ แบ๊กซ้ายชาวสแปนิชบรรจงแปเสียบมุมเข้าไปตุงตาข่าย แต่งานนี้ มีธงขึ้นก่อนว่าล้ำหน้า แฟนๆ เชลซี เลยเฮเก้อ
กระทั่งครึ่งชั่วโมงพอดี แฟนๆ สิงโตน้ำเงินคราม ได้เฮสมใจเมื่อ วิคเตอร์ โมเสส เติมขึ้นทางขวาแล้วเปิดเข้ากลางให้ อัลบาโร่ โมราต้า เทกตัวโหม่งจมตาข่ายให้ เชลซี ทะยาน 1-0
สเปอร์ส เร่งเครื่องหวังเอาคืน จนทำได้สำเร็จในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากลูกยิงสุดมหัศจรรย์กว่า 30 หลาของ คริสเตียน เอริกเซ่น ที่ตะบันบอลส่ายฮุคลงชนิดที่ วิลลี่ กาบาเยโร่ หมดสิทธิ์ป้องกัน จบครึ่งแรก เสมอกัน 1-1
ครึ่งหลังเกมยังเปิดแลกกันสุดมันส์ ไก่เดือยทองได้เสียวสุดๆ เมื่อครบหนึ่งชั่วโมงของเกม จากจังหวะที่ ซน ได้บอลแล้วปั่นจากนอกกรอบด้านขวา ลูกกำลังจะมุดเข้าประตู ทว่า กาบาเยโร่ บินปัดได้
อีกเพียง 2 นาทีต่อมาหรือ น.62 สเปอร์ส ก็แซงนำ 2-1 เมื่อ เอริก ดายเออร์ วางยาวจากแนวรับให้ เดเล่ อัลลี่ วิ่งไปเกี่ยวลงในเขตโทษนิ่มๆ แล้วยิงเร็วผ่านมือ กาบาเยโร่ แบบสุดสวย
สเปอร์ส ได้ใจสุดๆ และหนีเป็น 3-1 ในน.65 เมื่อ ซน สปีดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนพยายามยิงเองไปติด กาบาเยโร่ ในจังหวะแรก และตามซ้ำ บอลขลุกขลิกกองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ไม่ขาดก่อน อัลลี่ จะปรี่เข้าซัดเผาขนไม่เหลือซาก
เหลือ 15 นาทีสุดท้าย ไก่เดือยทอง ปล่อยทีเด็ดส่ง เคน ลงแทน ซน ก่อนปิดเกมเอาชนะไปอย่างยอดเยี่ยม แทบจะดับฝัน เชลซี ในการคว้าตั๋วไป ชปล. เพราะ สเปอร์ส รั้งอันดับสี่ ทิ้งที่ห้าอย่าง สิงโตน้ำเงินคราม ถึง 8 แต้ม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : วิลลี่ กาบาเยโร่, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, วิคเตอร์ โมเสส (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.81), เชส ฟาเบรกาส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ (เอเมอร์สัน น.83), วิลเลี่ยน, เอแด็น อาซาร์, อัลบาโร่ โมราต้า (คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย น.88)
สำรองไม่ได้ใช้ : แดนนี่ ดริ้งค์วอเตอร์, ติมูเอ้ บากาโยโก้, แกรี่ เคฮิลล์, เอดูอาร์โด้
สเปอร์ส : อูโก้ โยริส, คีแรน ทริพเพียร์, ดาวิดซอน ซานเชซ, แยน แฟร์ทองเก้น, เบน เดวิส, เอริก ดายเออร์ (วิคเตอร์ วานยาม่า น.81), มุสซ่า เด็มเบเล่, เอริค ลาเมล่า (มุสซ่า ซิสโซโก้ น.88), เดเล่ อัลลี่, คริสเตียน เอริกเซ่น, ซน เฮือง มิน (แฮร์รี่ เคน น.74)
สำรองไม่ได้ใช้ : แดนนี่ โรส, มิเชล ฟอร์ม, แซร์ช โอริเย่ร์, ลูคัส มูร่า
ที่มา: Siamsport
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 2 เม.ย. ว่า “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมทุ่มงบประมาณ 200 ล้านปอนด์ ให้ โชเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีมคนเก่ง ใช้เสริมทัพ 6 นักเตะเป้าหมายในช่วงซัมเมอร์นี้
จากการที่คู่แข่งของยูไนเต็ดอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใกล้ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันมีแต้มนำห่างพวกเขาอยู่ถึง 16 คะแนน ทำให้บอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมปรับปรุงทีมครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้
รายงานข่าวล่าสุดจาก เดอะ ซัน สื่อดังของอังกฤษ ระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมเทงบ 200 ล้านปอนด์ ให้มูรินโญ โดยกุนซือชาวโปรตุเกสวางเป้าหมายเสริมทัพในตำแหน่งกองหลัง, แบ็กซ้าย, แบ็กขวา และกองกลาง ซึ่งนักเตะที่อยู่ในข่ายคือ จอร์จินโญ กองกลางของนาโปลี, อเล็กซ์ ซานโดร แบ็กซ้ายของยูเวนตุส, แดนนี โรส แบ็กซ้ายชาวอังกฤษ และ โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ กองหลังทีมชาติเบลเยียม 2 กองหลังของทอตแนม สเปอร์ส, คีแรน เทียร์นีย์ แบ็กซ้ายของกลาสโกว์ เซลติก และ เฮคตอร์ เบเยริน แบ็กขวาของอาร์เซนอล
นายด่านทีมชาติไทย ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาให้ โอเอชแอล ทีมในดิวิชั่น 2 เบลเยียม เป็นแมตช์ที่ 4 ติดต่อกันในเกมบุกเสมอ ซูลเต้ วาเรเก้ม ทีมจากลีกสูงสุด เบลเยียม และโชว์ผลงานช่วยเซฟป้องกันลูกอันตรายหลายครั้ง ก่อนจะพาทีมเก็บแต้มแรก ในเกมประเดิมรอบ เพลย์ออฟ แบ่งกลุ่ม ชิงตั๋วไป ยูโรปา ลีก เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา
หลังเกม “ตอง” เปิดใจว่า “ถามว่าเสียดายมั้ยก็เสียดาย จริงๆแล้วตั้งเป้าส่วนตัวไว้อยากช่วยทีมให้ได้มากที่สุด อยากได้ 3 คะแนน แต่ถ้าดูจากสถานการณ์แล้วเราเจอทีมที่อยู่ลีกสูงกว่า แถมครึ่งหลังเริ่มได้ไม่นานทีมต้องมาเหลือผู้เล่นน้อยกว่าอีก ถือว่าไม่เสียหายที่ได้ 1 แต้มในเกมนี้”
กวินทร์เผยถึงฟอร์มการเล่นของตัวเองที่ยังต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกแม้เกมนี้แทบจะไม่มีข้อผิดพลาดก็ตาม “มันก็มีที่โอเคและที่ยังต้องปรับปรุง ยังต้องปรับในทุกๆด้าน อยากทำให้ดีกว่านี้ในทุกๆอย่าง อยากฝึกซ้อมให้ดีกว่านี้ อยากพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้ ส่วนเรื่องการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมนั้นตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
“ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่คอยติดตาม ถึงแม้จะลงเล่นดึกไปหน่อยกับเวลาที่เมืองไทย ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ตลอดมา เกมหน้าช่วยเป็นกำลังใจให้โอเอช ลูเวินด้วยครับ” กัปตันทีมชาติไทยกล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ โอเอช ลูเวิน จบสเตจที่ 2 ซิวอันดับ 3 ดิวิชั่น 2 เบลเยียม คว้าสิทธิ์มาเล่นในรอบแบ่งกลุ่มชิงตั๋ว ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ โดยอยู่ในสาย เอ ร่วมกับ คอร์ไทร์ค, โรยัล มุสครง, ซูลเต้ วาเรเก้ม, วาสแลนด์ เบเวอเรน และ เค ลีร์เซ่ โดยโปรแกรมนัดต่อไปได้กลับไปเฝ้ารังพบ เค ลีร์เซ่ เพื่อนร่วมลีกดิวิชั่น 2 เบลเยียม ในวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2561 เวลา 01.00 น.
ที่มา : siamsport
สนาม : เวเซอร์ สตาดิโอน
เบรเมนลงเตะในบ้านรับแข้งแฟร้งค์เฟิร์ต เจ้าถิ่นส่งอิชัค เบลโฟดิล, มักซ์ ครูเซ่ และ ซลัตโก้ ยูนูโซวิช เป็น 3 ประสานแดนหน้า ส่วนแฟร้งค์เฟิร์ต นำมาโดยคู่หอกอันเต้ เรบิช และ ลูก้า โยวิช
เจ้าถิ่นได้ลุ้นก่อนนาที 16 โธมัส เดอลานี่ย์ โหม่งชงมาให้ไอชัค เบลโฟดิล เทกตัวโขกเน้นๆ แต่ติดเซฟลูคัส ฮราเด็คกี้ หวุดหวิด
เบรเมนออกนำจนได้นาที 28 เป็นเดอลานี่ย์คนเดิมที่เปิดบอลมาให้ซลัตโก้ ยูนูโซวิช ยิงด้วยขวา ส่งบอลเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด
ท้ายครึ่งแรก แฟร้งค์เฟิร์ตมีลุ้นตีเสมอติโมธี ชานด์เลอร์ ครอสมาให้มาร์โก ฟาเบียน สอดมาโหม่ง แต่ยังไม่ผ่านมือยิรี่ พาฟเลนก้า หมดครึ่งแรกเบรเมนนำ 1-0
ครึ่งหลังนาที 53 แฟร้งค์เฟิร์ตตีเสมอ 1-1 สำเร็จ ในชอตที่เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง เปิดบอลมาให้ลูก้า โยวิช อัดด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือ
นาที 79 เบรเมนขึ้นนำอีกครั้งแบบเฮงๆ ดาวิด อับราฮัม กองหลังแฟร้งค์เฟิร์ต พยายามขึ้นโหม่งสกัดลูกเปิดจากกราบขวา แต่ผิดเหลี่ยมบอลย้อยข้ามฮราเด็คกี้เข้าประตูตัวเองไปแบบโชคร้าย จบเกมเบรเมนเบียดชนะแฟร้งค์เฟิร์ต 2-1
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เบรเมน : ยิรี พาฟเลนก้า, ธีโอดอร์ เกเบร เซลาสซี่, มิลอส เวลโควิช, นิคลาส มอยซานเดอร์, ลุดวิก ออกุสติสสัน, ฟิลิปป์ บาร์กเฟรเด้, มาริโอ เอ็กเกชไตน์, โธมัส เดลานี่ย์, อิชัค เบลโฟดิล, มักซ์ ครูเซ่, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช
แฟร้งค์เฟิร์ต : ลูคัส ฮราเด็คกี้, ดาวิด อบราอัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, มาร์โค รุสส์, ดานนี่ ดา คอสต้า, โจนาธาน เด กุซมัน, ทิโมธี แชนด์เลอร์, มาริอุส โวล์ฟ, เควิน-ปรินซ์ บัวเต็ง, อันเต้ เรบิช, ลูก้า โยวิช
ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ ซเวเยอร์
ที่มา: Siamsport
สนาม : สต๊าด เดอ โล้บ
ทรัวส์ ทีมที่กำลังหนีตกชั้น เปิดสต๊าด เดอ โล้บ พบ นีซ
ฌอง-หลุยส์ การ์เซีย เทรนเนอร์ทรัวส์วัย 55 ปี ได้ สเตฟาน ดาร์กบีญง ปีกขวาหายเจ็บนิ้วเท้า กลับมาลงสนาม
ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์ชาวสวิสวัย 60 ปี ของนีซส่ง อัลลัน แซงต์-มักซีแม็ง, มาริโอ บาโลเตลลี่, อลาสซาน เพลอา นำทัพแดนหน้า
เกมครึ่งแรก นาที 16 นีซนำ 1-0 ซามูแอล กร็องด์ซีร์ ปีกซ้ายทรัวส์ จ่ายบอลทางริมเส้นฝั่งซ้ายพลาดไปเข้าทาง อลาสซาน เพลอา ซัดเท้าขวาจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายตุงตาข่าย
นาที 28 มาริโอ บาโลเตลลี่ ผ่านบอลให้ เพลอา ยิงตุงตาข่าย แต่ โยอัน อาแมล ผู้ตัดสินไม่ให้นีซได้ประตู โดยเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้า
นาที 39 ทรัวส์เปลี่ยนเอา แบ็งฌาแม็ง นิเว่ต์ มิดฟิลด์กัปตันทีม ออกจากสนาม เนื่องจากบาดเจ็บที่ไหล่ และเป็น ซาอิฟ-เอ็ดดีน คาอุย ได้ลงเล่นแทนในแดนกลาง
จบครึ่งแรก นีซนำ 1-0
ครึ่งหลัง นีซยังบุกน่ากลัว และนาที 83 พวกเขานำห่าง 2-0 วีย์ลัน ซีเปรียง ผ่านบอลจากนอกกรอบเขตโทษไปที่ อลาสซาน เพลอา ซัดเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายเรียบร้อย เป็นลูกที่สองของเขาในนัดนี้ และเป็นประตูที่ 12 ของเขาในลีก เอิง ฤดูกาลนี้
จบเกมนีซบุกมาชนะทรัวส์ 2-0
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ทรัวส์ : แอร์กวิน เซลาซนี่ – มาติเยอ เดอปลาญ, ออสวัลโด้ วิซคาร์รอนโด้, คริสตอฟ เอแรล, ชาร์ลส์ ตราโอเร่ – ฟร็องซัวส์ แบลลูกู (ซ็อค ฮยอน-จุน น.78), คาริม อซามุม – สเตฟาน ดาร์กบีญง, แบ็งฌาแมง นิเว่ต์ (กัปตันทีม) (ซาอิฟ-เอ็ดดีน คาอุย น.39), ซามูแอล กร็องด์ซีร์ (ไบรยัน เปอเล่ น.57) – อดาม่า นิยาเน่
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : มามาดู ซามาสซ่า (ผู้รักษาประตู), เฌเรมี่ กอร์กโดวาล, จิมมี่ ชิโรดง, ชาอูกี้ เบน ซาด้า
นีซ : วอลเตอร์ เบนิเตซ – อาร์กโนด์ ซูเก้ต์, ดันเต้ บอนฟิม (กัปตันทีม), มาร์ลอน ซานโต๊ส, มักซีม เลอ มาร์กช็องด์ – ปิแอร์ เลแอส-เมลู, ฌอง มิเชล เซรี (อาเดรียง ตาแมซ น.85), วีย์ลัน ซีเปรียง – อัลลัน แซงต์-มักซีแม็ง (บาสเซม ซราร์ฟี่ น.82), มาริโอ บาโลเตลลี่ (มาล็องช์ ซาร์ น.85), อลาสซาน เพลอา
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : โยอัน การ์กดินาล (ผู้รักษาประตู), ราซีน โกลี่, อาร์กโนด์ ลูซ็อมบา, มิกกาแอล เลอ บีอ็อง
ผู้ตัดสิน : โยอัน อาแมล
ที่มา: Siamsport