สนาม : กูดิสัน พาร์ค
เรือใบสีฟ้า จัดทัพแบบไร้หน้าเป้าอาชีพ อีกทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ โดนดร็อปก่อนเกม ชปล. กับ ลิเวอร์พูล ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมี ลีรอย ซาเน่, ราฮีม สเตอร์ลิง และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ทำเกมรุก ขณะที่บนม้านั่งสำรองได้ เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ฟิตกลับมา เกมนี้ หากว่า แมนฯ ซิตี้ ชนะได้ จะการันตีตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกทันที
ด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด มาเต็ม มีทั้ง ปอล ป็อกบา, อเล็กซิส ซานเชซ, โรเมลู ลูกากู แถมได้ อันเดร์ เอร์เรร่า หายเจ็บคืนตัวจริงทันที
แมนฯ ซิตี้ ครองบอลบุกใส่เพื่อนบ้าน น.6 ดาบิด ซิลบา ขึ้นเกมทางซ้ายแล้วตวัดเข้ากลาง แอชลี่ย์ ยัง ลื่นก่อนมือไปโดนบอล นักเตะเจ้าบ้านเรียกร้องจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร
แมนฯ ยูไนเต็ด ถอยลงไปตั้งรับแล้วรอจังหวะเหมาะสวนกลับ แต่เกือบโดนในน.20 จากความผิดพลาดในแนวรับ ยังดีที่ ดาบิด เด เคอา ใช้ขาบล็อกลูกยิงของ แบร์นาโด้ ซิลบา เอาไว้ได้
กระทั่ง น.25 เรือใบสีฟ้า ทะยานนำ 1-0 เมื่อได้ลูกเตะมุมทางซ้าย ลีรอย ซาเน่ เปิดเตะมุมโค้งมาให้ แว็งซ็องต์ ก็องปานี สลัดหนีตัวประกบแล้วเทกตัวโหม่งตุงตาข่าย
แมนฯ ซิตี้ ได้ใจ อีกแค่ 5 นาทีต่อมาหรือน.30 ก็หนีเป็น 2-0 เมื่อ สเตอร์ลิ่ง เปิดให้ อิลคาย กุนโดกัน หมุนตัวหลบประกบแล้วยิงเสียบเสาสองงดงาม ชนิดที่ เด เคอา หมดสิทธิ์ป้องกัน
แนวรับ ปีศาจแดง ระส่ำ หวิดโดนเพิ่มหลายครั้ง แต่สุดท้ายยังรอดได้ จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ นำ 2-0 โดยที่รูปเกมเหนือกว่าผู้มาเยือนทุกเหลี่ยมมุม
ครึ่งหลัง เรือใบสีฟ้า ยังดีกว่า น.51 สเตอร์ลิ่ง ดึงจังหวะแล้วไหลให้ กุนโดกัน สอดขึ้นมาแป ลูกลอยไปชนกรอบประตูอย่างน่าเสียดาย
แต่เข้าสู่น.53 แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ตีไข่แตกเป็น 2-1 เมื่อ อเล็กซิส เปิดจากขวาเข้าไปให้ เอร์เรร่า พักอกต่อให้ ป็อกบา ซัดเผาขนไม่เหลือซาก
จากนั้น แค่สองนาทีถัดมาหรือน.55 เสียงเชียร์แฟนผีกระหึ่ม เมื่อ อเล็กซิส บรรจงหยอดให้ ป็อกบา สอดขึ้นมาโขกเสียบตาข่ายชนิดที่กองเชียร์ซิตี้อึ้งทั้งสนาม ขยับสกอร์เท่ากัน 2-2
เกมสนุกเข้มข้น แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันอย่างมั่นใจขึ้น กล้าบุกกว่าเดิม เจสซี่ ลินการ์ด มีโอกาสส่องไกลส่งบอลถากเสาแบบได้ลุ้นเมื่อเกมผ่านมาถึงหนึ่งชั่วโมง ขณะที่ สเตอร์ลิ่ง โดนใบเหลืองจากการไปหยุด ลูกากู
น.69 ปีศาจแดง แซงนำเหลือเชื่อ 3-2 เมื่อได้ฟรีคิกด้านขวา อเล็กซิส เรียกได้ ก่อนลุกมาเปิดให้ คริส สมอลลิ่ง เติมขึ้นมาซัดโล่งๆ ทำเอากองเชียร์เจ้าถิ่นเงียบกริบ
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่ไม่ได้ ต้องส่ง กาเบรียล เชซุส และ เควิน เดอ บรอยน์ แทน ดาบิด ซิลบา และ แบร์นาโด้ ซิลบา จากนั้น กุน แทน กุนโดกัน
แมนฯ ซิตี้ ร้องจะเอาจุดโทษจากจังหวะที่ กุน โดนหวด ทว่าผู้ตัดสินไม่ให้ ก่อนที่ แฟร์นานดินโญ่ จะโดนใบเหลืองหลังอัด ลินการ์ด จากนั้น เกมเริ่มเดือด ป็อกบา โดนเหลืองอีกรายจากการไปเตะ โอตาเมนดี้
มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ถูกเปลี่ยนลงมา ก่อนที่ แมนฯ ซิตี้ หวิดได้ลูกตีเสมอท้ายเกม แต่ เด เคอา โชว์ซูเปอร์เซฟเหลือเชื่อ และจังหวะต่อมา ลูกยิงเผาขนของ สเตอร์ลิ่ง ไปชนเสาแล้วเด้งมาติด เด เคอา
ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่ม และหลังทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เอาชนะไปสุดมันส์ 3-2 รั้งอันดับสองเหนียวแน่น พร้อมกับชะลองานฉลองแชมป์ของเพื่อนบ้านไปก่อน
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน, ดานิโล่, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ฟาเบียน เดลฟ์, อิลคาย กุนโดกัน (เซร์คิโอ อเกวโร่ น.76), แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา (เควิน เดอ บรอยน์ น.72), แบร์นาร์โด้ ซิลวา (กาเบรียล เชซุส น.72), ราฮีม สเตอร์ลิง, ลีรอย ซาเน่
สำรองไม่ได้ใช้ : เคลาดิโอ บราโว่, ไคล์ วอล์คเกอร์, เอมเมอริก ลาปอร์กต์, ยาย่า ตูเร่
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, เอริก ไบยี่, คริส สมอลลิ่ง, แอชลี่ย์ ยัง, อันเดร์ เอร์เรร่า (วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ น.90), เนมานย่า มาติช, ปอล ป็อกบา, เจสซี่ ลินการ์ด (สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ น.85), โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.82)
สำรองไม่ได้ใช้ : โชเอล เปเรยร่า, มาร์กอส โรโฮ, ฆวน มาต้า, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน
ที่มา : Siamsport
สนาม : สต๊าด หลุยส์ II
อาแอส โมนาโก แชมป์เก่าและทีมรองจ่าฝูง เปิดสต๊าด หลุยส์ II ทางตอนใต้ ปะทะ แอฟเซ น็องต์ ในลีก เอิง ฝรั่งเศส นัดที่ 32
เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสของโมนาโกวัย 43 ปี ได้ ชูเอา มูตินโญ่ กองกลางทีมชาติโปรตุเกสหายเจ็บ, เกอิต้า บัลเด้ ดิเยา กองหน้าเซเนกัลหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา กลับมาลงสนาม
ส่วน เคลาดิโอ รานิเอรี่ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนวัย 66 ปี ของน็องต์ มี เอมิลิอาโน่ ซาล่า ดาวยิงอาร์เจนติน่า เป็นกองหน้าตัวเป้า พร้อมได้ อับดูลาย ตูเร่ มิดฟิลด์ตัวรับหายเจ็บ ลงตัวจริง
ก่อนเกมเริ่มต้น นักเตะทั้งสองทีมต่างยืนสงบนิ่ง 1 นาที ไว้อาลัยให้กับ ซ็อมบา ดิย็อป กองหลังวัย 18 ปี จากทีมสำรองของเลอ อาฟร์ ที่เสียชีวิต เมื่อคืนวันศุกร์ 6 เมษายนที่ผ่านมา
ครึ่งแรก นาที 32 น็องต์ ได้ประตูนำ 1-0 นิโกล่าส์ ปัลลัวส์ ผ่านบอลจากนอกกรอบเขตโทษให้ อาเดรียง โตมาสซง ยิงเท้าขวาระยะ 25 หลาตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่ 4 ของเขาในลีก เอิง ฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม โมนาโก ตีเสมอ 1-1 นาที 42 จากการประสานงานที่ยอดเยี่ยม ฟาบินโญ่ ทำชิ่งกับ ราดาเมล ฟัลเกา กัปตันทีม จ่ายกลับมาให้ ฟาบินโญ่ เปิดไปเข้าทาง โรนี่ โลเปส ในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ส่งต่อให้ ฟัลเกา ยิงเท้าขวาที่เสาแรกตุงตาข่าย เป็นลูกที่ 18 ของเขาในลีก ซีซั่นนี้
และนาที 45 แชมป์เก่าพลิกสถานการณ์ขึ้นนำ 2-1 ฟาบินโญ่ จ่ายจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ ราดาเมล ฟัลเกา เลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ชิ่งต่อไปที่ โรนี่ โลเปส จับบอลด้วยเท้าขวาและหมุนตัวยิงเท้าซ้ายที่เสาแรกเรียบร้อย เป็นประตูที่ 12 ของเขาในลีก เอิง ซีซั่น 2017 – 2018
เกมนี้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสและปารีส แซงต์-แชร์กแมงวัย 19 ปี มาเชียร์ โมนาโก ทีมเก่าของเขาอยู่บนอัฒจันทร์ เช่นเดียวกับ ลูโดวิซ ชูลี่ อดีตมิดฟิลด์ตัวรุกโมนาโกวัย 41 ปี
จบครึ่งแรก โมนาโก นำ 2-1
ครึ่งหลัง น็องต์ เร่งเกมมากขึ้น นาที 76 เรเน่ เคอร์ฮิน มิดฟิลด์สโลวีเนียได้ซัดเต็มเท้า บอลถากเสาขวาออกไป
และช่วงทดเวลาเจ็บ นาที 90+1 ซิเปรียน ตาตารูซานู นายทวารน็องต์ หยุดลูกยิงเท้าขวาระยะ 18 หลา ของ ยูริ ตีเลอมันส์ ได้อย่างอยู่หมัด
จบเกม โมนาโก ชนะ แอฟเซ น็องต์ 2-1
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
โมนาโก : ดานิเยล ซูบาซิช – ฌิบริล ซิดิเบ้, คามิล กลิค, เชแมร์ซอน, จอร์จ – ยูริ ตีเลอมันส์, ชูเอา มูตินโญ่, ฟาบินโญ่ – เกอิต้า บัลเด้ ดิเยา (โตมาส์ เลอมาร์ น.66), ราดาเมล ฟัลเกา (กัปตันทีม) (อันเดรีย ร้าจจี้ น.86), โรนี่ โลเปส (อดาม่า ดิยากาบี้ น.90+2)
แอฟเซ น็องต์ : ซิเปรียน ตาตารูซานู – เลโอ ดูบัวส์ (กัปตันทีม), ดีเอโก้ การ์ลอส, นิโกล่าส์ ปัลลัวส์ (ยาสซีน เอล กานาสซี่ น.65), ค็อฟฟี่ ฌิดชี่ – เรเน่ เคอร์ฮิน, อับดูลาย ตูเร่ (เปรชูซ นาคูลม่า น.71) – อาเดรียง โตมาสซง (ยาซีน บ็อมมู น.80), วาล็องแต็ง รงชิเย่ร์, ลูคัส ลิม่า – เอมิลิอาโน่ ซาล่า
ผู้ตัดสิน : ฟร็องซัวส์ เลอเต็กซิเย่ร์
ที่มา : Siamsport
สนาม : ชิโร่ วิโกริโต้
เบเนเวนโต้ เจอศึกหนักในการเปิดบ้านรอรับ ยูเวนตุส เจ้าถิ่นต้องไร้ ฟาบิโอ ลูโชนี่ และ กาเอตาโน่ เลติเซีย ที่ถูกพักแข้ง แต่ได้ คริสเตียน ปุจโจนี่ พ้นโทษแบนกลับมา พร้อมฝากความหวังไว้ที่ ชีค เดียบาเต้ ส่วนทีมเยือนมีการหมุนเวียนทีมบางตำแหน่ง แนวรุกเลือก ฮวน กวาดราโด้, มาริโอ มานด์ซูคิช และ เปาโล ดีบาล่า
เริ่มเกม 16 นาที “ม้าลาย” มาได้ประตูก่อน จากจังหวะที่ อเล็กซ์ ซานโดร โยนจากซ้ายเข้าเขตโทษทางขวา กวาดราโด้ แปะคืนให้ ดีบาล่า จับแล้วปั่นด้วยซ้าย บอลโค้งเสียบเสาสองอย่างสวยงาม ขึ้นนำ 1-0
อย่างไรก็ตาม เจ้าบ้านตามตีเสมอเป็น 1-1 ในอีกเพียง 8 นาทีต่อมา ฟิลิป ยูริซิช ตะบันเต็มข้อหน้ากรอบเขตโทษ วอยเชียค เชสนี่ ซูเปอร์เซฟปัดเอาไว้ได้ ทว่ายังมี กิเยร์เม่ ที่ตวัดกลับเข้ากลางให้ เดียบาเต้ ชาร์จจ่อๆ ไม่เหลือ
ผู้มาเยือนกลับมาตั้งลำใหม่ มิราเล็ม ปานิช วางยาวให้ กวาดราโด้ หลุดกัปดักล้ำหน้าเข้าไปยิงผ่านเสาสองนิดเดียว
ผ่านมาถึงนาทีที่ 36 ยูเว่ ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย เมื่อ กวาดราโด้ ครอสจากขวาเข้ากลางให้ มานด์ซูคิช เกี่ยวล้มตัวซัดเข้าไป แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกแฮนด์บอลก่อน
ช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก ลูกทีมของ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี มาได้จุดโทษ หลัง ปานิช ไปถูก เบรัต จิมซิติ ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และเป็น ดีบาล่า รับหน้าที่สังหารไม่พลาด พร้อมเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในแมตช์นี้ด้วย จบ 45 นาทีแรก ยูเว่ จึงออกนำก่อน 2-1
เปิดฉากครึ่งหลังแค่ 6 นาที ทีม “แม่มด” ตามตีเสมออีกครั้งเป็น 2-2 นิโกลัส วิโอล่า เตะมุมให้ เดียบาเต้ เทกตัวโหม่งผ่านมือ เชสนี่ เข้าไป เป็นเม็ดที่สองของตัวเองเช่นกัน
เจ้าถิ่นได้ใจแล้ว วิโอล่า เปิดลูกเตะมุม บอลหลุดไปเสาสอง กิเยร์เม่ ชาร์จไม่โดนอย่างน่าเสียดาย
เกมดำเนินถึงนาทีที่ 74 พลพรรค “เบียงโคเนรี่” มาได้จุดโทษอีกครั้ง หลัง กอนซาโล่ อิกวาอิน ที่เพิ่งลงมาเป็นสำรอง ไปถูก วิโอล่า ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และเป็น ดีบาล่า รับหน้าที่สังหารไม่พลาดเหมือนเดิม ทำแฮตทริกได้สำเร็จ ช่วยให้ทีมออกนำใหม่ 3-2
จากนั้นก่อนจบเกม 8 นาที แชมป์เก่ามาได้ประตูปิดท้ายอีก จาก ดั๊กลาส คอสต้า ตัวสำรอง ที่ตัดจากขวาเข้าในแล้วปั่นด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษ บอลโค้งเสียบเสาสองงามหยดย้อย จบเกม ยูเว่ ทุบชนะ เบเนเวนโต้ 4-2 ทำให้หนีห่าง นาโปลี เป็น 7 คะแนน แต่เตะมากกว่า 1 นัด
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เบเนเวนโต้ : คริสเตียน ปุจโจนี่ – บาการี่ ซาญ่า, เบรัต จิมซิติ, อาลิน ตอสก้า, ลอเรนโซ่ เวนูติ – นิโกลัส วิโอล่า, ซานโดร (ลอเรนโซ่ เดล ปินโต้ น.81), ฟิลิป ยูริซิช – เอ็นริโก้ บริโยล่า (ดานิโล่ คาตัลดี้ น.62), ชีค เดียบาเต้ (ปิเอโตร เยมเมลโล่ น.70), กิเยร์เม่
ยูเวนตุส : วอยเชียค เชสนี่ – สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์, เมห์ดี้ เบนาเตีย, ดานิเอเล่ รูกานี่, อเล็กซ์ ซานโดร – แบลส มาตุยดี้, มิราเล็ม ปานิช, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (กอนซาโล่ อิกวาอิน น.63) – ฮวน กวาดราโด้ (ดั๊กลาส คอสต้า น.58), มาริโอ มานด์ซูคิช (ซามี เคดิร่า น.78), เปาโล ดีบาล่า
ที่มา : Siamsport
ทรรศนะ : มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ซานตี กาซอร์ลา , มะคิตายาน และ ดาวิด ออสปินา เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เชมเบอส์ และ ชโกดราน มุสตาฟี่ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กัน แดนกลางมี แอรอน แรมซีย์ ยืนคุนเกม โดยให้ แจ็ก วิลเชียร์ , เมซุท โอซิล และ แดนนี เวลเบก ลงทำเกมรุกเพื่อสนับสนุน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ด้าน เซาแธมป์ตัน ไม่มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เวสลีย์ โฮดต์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ แจ็ค สตีเฟนส์ แดนกลางมี อูรีออล รูเมว ลงคุมเกมร่วมกับ มาริโอ เลอมิน่า โดยให้ สตีเว่น เดวิส ลงทำเกมรุกอยู่หลังกองหน้าตัวเป้าอย่าง ชาร์ลี ออสติน ฟอร์มของ อาร์เซน่อล ถือว่ามีฟอร์มที่ดีเลย ชนะมาติดต่อกันถึง 5 นัด ส่วน เซาแธมป์ตัน นัดล่าสุดเพิ่งแพ้ให้แก่ เวสต์แฮม มาถึง 0-3 นัดนี้มองว่า อาร์เซน่อล เกมหน้าจะต้องบุกไปเยือน ซีเอสเคเอ มอสโก ในยูโรป้าลีก แต่จะไม่ส่งผลกระทบอะไร เพระมีสกอร์ยิงได้ในเกมแรกค่อนข้างเยอะ และเซาแธมป์ตัน มีฟอร์มที่แย่เหลือเกิน เกมนี้ อาร์เซน่อล จะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้
ฟันธง: อาร์เซน่อล ชนะ 3-0
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : เชลซี มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ดาวิด ลุยส์ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ รูดิเกอร์ , คริสเตนเซน และ อัซปีลีกูเอตา ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี ก็องเต ลงคุมเกมร่วมกับ เซสก์ ฟาเบรกัส โดยให้ อาซาร์ และ วิลเลี่ยน ร่วมกันทำเกมรุกให้กับ โมราต้า ที่ลงยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ด้าน เวสต์แฮม มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บถึง 5 คน นัดนี้จะใช้ เดคลาน ไรซ์ , อ็อกบอนนา และ เครสส์เวลล์ ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี คูยาเต้ ลงคุมเกมร่วมกับ มาร์ก โนเบิล โดยให้ ลานซินี่ ทำเกมรุกเพื่อสนับสนุนกองหน้าตัวเป้าอย่าง อาร์เนาโตวิช ฟอร์มของทั้งสองทีมมีฟอร์มที่ไม่ค่อยดีด้วยกันทั้งคู่ นัดนี้มองว่า เชลซี ได้เล่นเป็นเจ้าบ้านน่าจะต้องกลับมาทำฟอร์มให้ดีในเกมนี้ อีกทั้ง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยังมีนักเตะตัวหลักบาดเจ็บอยู่อีกค่อนข้างมาก และเกมนี้ เชลซี จะเป็นฝ่ายเปิดบ้านเอาชนะไปได้
ฟันธง: เชลซี ชนะ 3-1
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : ดอร์ทมุนด์ เกมนี้มีนักเตะทีได้รับบาดเจ็บถึง 6คน จะหมดสิทธิ์ลงสนามทั้งหมด นัดนี้จะใช้ อาคานจี ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ โอเมอร์ โทพรัค แดนกลางมี มาห์มูด ดาฮูด ลงคุมเกมร่วมกับ ยูเลียน ไวเกิล โดยให้ มาร์โค รอยส์ ลงทำเกมรุกให้กับกองหน้าตัวเป้าอย่าง บาตชูอายี่ ด้าน สตุ๊ตการ์ต เกมนี้ต้องรอเช็คสภาพความฟิตของ บาอัมกร์ต นัดนี้จะใช้ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ และ บัดชตูเบอร์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์ร่วมกัน แดนกลางมี เดนนิส อาโอโก้ ลงคุมเกมร่วมกับ อัสซาซิบาร์ โดยใช้คู่กองหน้าอย่าง กินเช็ค และ มารีโอ โกเมซ ฟอร์มของ ดอร์ทมุนด์ นัดล่าสุดเพิ่งจะแพ้ให้แก่ บาเยิร์น มิวนิค ถึง 0-6 ส่วน สตุ๊ตการ์ต ถือว่ามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ไม่แพ้ใครมาถึง 8 นัดติดต่อกัน นัดนี้ยังมองว่า สตุ๊ตการ์ต ยังอยู่ในช่วงที่มีฟอร์มที่ดี อีกทั้งนักเตะตัวหลักของ ดอร์ทมุนด์ ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างที่จะเยอะ และเกมนี้น่าจะเสมอกันไปแบบสนุก
ฟันธง: เสมอ 1-1
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : โตริโน่ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง โมลินาโร่ และ ลีอันโค ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ ส่วน โตมัส รินกอน จะติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ โมเร็ตติ , เอ็นคูลู และ บูร์ดิสโซ่ ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี บาเซลลี่ ลงคุมเกมร่วมกับ โจเอล โอบี โดยให้ เอียโก้ ฟัลเก้ และ อเด็ม ลายิช ร่วมกันทำเกมรุกเพื่อสนับสนุนกองหน้าตัวเป้าอย่าง อันเดรีย เบล็อตติ ด้าน อินเตอร์ มิลาน ไม่มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เจา มิรานด้า และ มิลาน ชกรีเนียร์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กัน แดนกลางมี กากลิอาร์ดินี่ ลงคุมเกมร่วมกับ โบรโซวิช โดยให้ อิวาน เปริซิช ขึ้นเกมรุกทางริมเส้นฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็น คันเดรวา เพื่อทำเกมรุกให้กับกองหน้าตัวเป้าอย่าง เมาโร อิคาร์ดี้ ฟอร์มของ โตริโน่ กำลังอยู่ในช่วงที่ดีขึ้นหลังจากชนะมา 2 นัดติดต่อกัน ด้าน อินเตอร์ มิลาน มีฟอร์มที่ดีอย่างต่อเนื่องหลังจากไม่แพ้ใครมา 5 นัดติดต่อกัน นัดนี้มองว่า โตริโน่ เป็นทีมที่เล่นในบ้านได้แข็งแกร่ง ส่วน อินเตอร์ มิลาน ที่ได้เล่นเป็นทีมเยือนมีฟอร์มที่ไม่ค่อยจะดีนัก จากเกมเยือน 5 นัดหลัง มีชนะได้แค่ นัดเดียว เกมนี้ยังมองว่า เจ้าบ้านค่อนข้างที่จะดีกว่า
ฟันธง: โตริโน่ ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : นาโปลี มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ฟาอูซี่ กูล็อม ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ ส่วน ราอุล อัลบีออล และ จอร์จินโญ่ ที่ติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ คูลิบาลี่ และ ชิริเชส ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์ร่วมกัน แดนกลางมี อัลลัน ลงทำเกมร่วมกับ มาเร็ก อัมซิก โดยใช้ 3 ประสานในแดนหน้าอย่าง อินซิเญ่ , กาเยคอน และ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ คอยทำหน้าที่จบสกอร์ ด้าน คิเอโว่ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง เดอิเนลี่ และ ยารอสชึญสกี เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ ส่วน ซาซิอะโต จะติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ แกมแบรินี่ ยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ บานิ แดนกลางมี ราโดวาโนวิซ , เฮเตมาย และ ลูคัส แคสโตร ลงคุมเกมร่วมกัน โดยใช้คู่กองหน้าอย่าง อินเกลเซ่ และ สเตปินสกี้ เกมนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ นาโปลี จะเก็บ 3 คะแนนสำคัญ เพราะได้เล่นในบ้าน อีกทั้ง คิเอโว่ มีเกมที่เล่นเป็นทีมเยือนแย่มาก เฉพาะเกมเยือนแพ้มาถึง 8 นัดติดต่อกันแล้ว และเกมนี้ นาโปลี ยังไม่ชนะ จะต้องลืมเรื่องลุ้นแชมป์ไปได้เลย
ฟันธง: นาโปลี ชนะ 3-0
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : อูดิเนเซ่ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง เซโก โฟฟานา และ วาลอน เบห์รามี เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ ซาเมียร์ , ดานิโล และ บรัม ไนย์ติ้งค์ ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี อันโตนีน บาราค ลงคุมเกมร่วมกับ ยังค์โต้ โดยให้ โรดริโก เดอ ปอล ลงทำเกมรุกอยู่หลังกองหน้าตัวเป้าอย่าง มักซี โลเปซ ด้าน ลาซิโอ้ ต้องรอเช็คสภาพความฟิตของ จอร์แดน ลูกากู นัดนี้จะใช้ หลุยซ์ ฟิลิป ราโมส , เดอ ฟรีจ์ และ สเตฟาน ราดู ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี ลูคัส เลย์ว่า ลงคุมเกมร่วมกับ ปาโรโล่ โดยให้ หลุยส์ อัลเบร์โต้ และ มิลินโควิช-ซาวิช ร่วมกันทำเกมรุกให้กับ ชิโร่ อิมโมบิลเล่ ที่ลงยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ฟอร์มของ อูดิเนเซ่ ถือว่ามีฟอร์มที่แย่มาก หลังจากที่แพ้มาถึง 8 นัดติดต่อกัน ส่วน ลาซิโอ้ มีฟอร์มที่ดีขึ้นหลังจากที่ชนะมา 2 นัดติดต่อกัน เกมนี้ยังมองว่า ลาซิโอ้ จะมีฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง อีกทั้งสถิติที่พบกันมา 2 นัดหลังสุดยังเป็นทาง ลาซิโอ้ เอาชนะได้ทั้ง 2 นัด เกมนี้ยังจะเป็น ลาซิโอ้ ที่เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้
ฟันธง: ลาซิโอ้ ชนะ 3-1
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : เอซี มิลาน มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง อาบาเต และ อันเดร คอนติ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ โรมันโญลี และ โบนุชชี่ ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี แฟรงค์ เคสซี ลงทำเกมร่วมกับ โบนาเวนตูรา เพื่อคอยสนับสนุน 3 กองหน้าของทีมอย่าง คัลฮาโนกลู , อังเดร ซิลวา และ ซูโซ ด้าน ซัสเซาโล่ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง อัดยาปง และ มักนาเนลี่ ที่ติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ เดลออโค่ร์ , อแซร์บี และ เปลูโซ่ ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี มมิซซิโลรี่ ลงทำเกมให้กับคู่กองหน้าของทีมอย่าง เบราร์ดี้ และ มัตเตโอ โปลิตาโน่ ฝั่ง เอซี มิลาน นัดล่าสุดเพิ่งจะเสมอ อินเตอร์ มิลาน มาด้วยสกอร์ 0-0 ส่วน ซัสเซาโล่ ถือว่ามีฟอร์มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ไม่แพ้มา 5 นัดติดต่อกัน นัดนี้มองว่า ซัสเซาโล่ ยังต้องการคะแนนเพื่อหนีจากโซนตกชั้น อีกทั้ง ซัสเซาโล่ ยังมีฟอร์มที่ดีขึ้นมากอีกด้วย และเกมนี้ เอซี มิลาน ไม่น่าจะเอาชนะได้
ฟันธง: เสมอ 1-1
ความมั่นใจ : [80%]