ทรรศนะ : โรชเดล มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง แอนดี แคนนอน , นีล คานาวาน และ คีธ คีน ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ แดเนียลส์ , เจมส์ แมคนัลตี้ และ ไรอัน เดลานีย์ ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี แคลลัม แคมปส์ ลงคุมเกมร่วมกับ โอลิเวอร์ แรธโบน โดยให้ เอียน เฮนเดอร์สัน และ สตีเฟน ฮัมฟริส์ ลงยืนเป็นคู่กองหน้า ด้าน วีแกน นักเตะตัวหลักยังอยู่กันครบ นัดนี้จะใช้ แดน เบิร์น และ ชีย์ ดังค์ลีย์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์ร่วมกัน แดนกลางมี แซม มอร์ซีย์ ลงคุมเกมร่วมกับ แม็กซ์ พาวเวอร์ โดยให้ จาค็อบส์ , นิก โพเวลล์ และ เกวิน แมสซีย์ ลงทำเกมรุกร่วมกันเพื่อสนับสนุนกองหน้าตัวเป้าอย่าง เกวิน แมสซีย์ โรชเดล นัดล่าสุดเพิ่งจะเสมอกับทาง พอร์ตสมัธ มา ส่วน วีแกน เพิ่งกลับมาคืนฟอร์มเก่งด้วยการเอาชนะ มิลตัน คีนส์ ดอนส์ มาได้ นัดนี้ยังมองว่า โรชเดล มีฟอร์มการเล่นในบ้านค่อนข้างที่จะดี จากผลงานในบ้าน 5 นัดหลังสุด มีแพ้แค่เกมเดียว เกมนี้ทั้งสองทีมยังต้องการแต้มด้วยกันทั้งคู่ และเกมนี้น่าจะเสมอกันไปแบบมีสกอร์
ฟันธง: เสมอ 1-1
ความมั่นใจ : [80%]
ทรรศนะ : จิลลิ่งแฮม มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง บิลลี บิงแฮม ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ ส่วน ลี มาร์ติน จะติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ เบน นูเจนต์ , ซาคูอานี และ แม็ก เอห์เมอร์ ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี มาร์ก บายร์เนส ลงทำเกมร่วมกับ เจค เฮสเซินธเลอร์ โดยให้ รายส์ เมอร์ฟี่ และ วิลกินสัน ลงยืนเป็นคู่กองหน้า ด้าน แบล็คเบิร์น มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ไรอัน นแยมบ และ แฮร์รี แชปแมน ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ ชาร์ลี มัลกรูว์ และ พอล ดาวนิง ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี สมอลวู้ด ลงคุมเกมร่วมกับ อีแวนส์ โดยให้ แบรดลีย์ แด็ค ทำเกมรุกเพื่อสนับสนุนกองหน้าตัวเป้าอย่าง อดัม อาร์มสตรอง จิลลิ่งแฮม นัดล่าสุดเพิ่งจะเสมอกับทาง ดอนคาสเตอร์ มา ส่วน แบล็คเบิร์น ยังอยู่ในฟอร์มที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ชนะติดต่อกันมา 4 นัด นัดนี้มองว่า แบล็คเบิร์น ยังต้องการแต้มเพื่อแย่งแชมป์ลีกกับ วีแกน อีกทั้ง นักเตะของ แบล็คเบิร์น กำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจ หลังจากที่ชนะติดต่อกันมา และเกมนี้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ จะบุกไปคว้า 3 แต้ม ถึงในบ้านของ จิลลิ่งแฮม
ฟันธง: แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ชนะ 2-0
ความมั่นใจ : [80%]
สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
“ราชันชุดขาว” พัก ลูก้า โมดริช, กาเซมีโร่ และ คาริม เบนเซม่า แต่ยังมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวชูโรงกับ แกเร็ธ เบล ด้าน “ตราหมี” จัดให้ อองตวน กรีซมันน์ ประสานงานแดนหน้ากับ ดีเอโก้ คอสต้า ในเกม “เอล เดร์บี้ มาดริเลนโญ่”
ออกสตาร์ตไปได้ 10 นาที เรอัล มาดริด ได้ออกอาวุธก่อน จากจังหวะเปิดบอลเข้าเขตโทษให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงเต็มข้อ บอลพุ่งเข้าหากรอบน้ำหนักดีมาก แต่ยังทำอะไร ยาน โอบลัค ไม่สำเร็จ
ผ่านมาถึงนาทีที่ 28 เจ้าบ้านกดดันต่อเนื่อง จากจังหวะเปิดบอลเข้าเขตโทษ บอลขลุกขลิกทางซ้าย ราฟาแอล วาราน ปรี่เข้าไปยิงแต่ติดเซฟ
จังหวะต่อมา แอต.มาดริด เกือบจะได้ประตูนำ จากจังหวะที่ ดีเอโก้ คอสต้า พาบอลหลุดมาทางขวา ลากเข้าเขตโทษ แล้วตะบันด้วยขวาเล็งหาโคนเสาแรก แต่โดน เกย์ลอร์ นาวาส พุ่งไปปัดออกหลังได้อย่างหวุดหวิด
เลยมาถึงนาทีที่ 40 เรอัล มาดริด พลาดได้ประตูอย่างไม่น่าเชื่อ มาร์เซโล่ เติมเกมมารับบอลทางซ้าย ลากตัดเข้าในไปตรงกลางปั่นด้วยขวา บอลโค้งผ่านมือ โอบลัค ไปแล้วแต่ชนสามเหลี่ยมเสาสอง จากนั้นเด้งมาเข้าทาง ดานี่ การ์บาฆาล หวดซ้ำด้วยขวาจากทางขวานอกเขตโทษเล็งหาเสาแรก แต่ยังไม่ผ่านมือ โอบลัค ครบ 45 นาทีแรก เรอัล มาดริด ยังเสมอกับ แอต.มาดริด 0-0
กลับมาเตะครึ่งหลังกันได้ 8 นาที เรอัล มาดริด ออกนำไปก่อน 1-0 แกเร็ธ เบล พาบอลลากขึ้นทางซ้าย แล้วเปิดโค้งยาวเข้าเขตโทษมาทางเสาสอง บอลข้ามหัวกองหลังทีมเยือนมาเข้าเท้าขวาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วอลเล่ย์แบบไม่ต้องจับ กดบอลลงพื้นกระดอนผ่านมือ โอบลัค เข้าประตูไป
หลังจากนั้น 2 นาที เจ้าบ้านเกือบจะได้ประตูที่สอง จากการขึ้นเกมคล้ายๆเดิม เบล ได้บอลทางซ้าย เปิดเข้ากลาง ลูกัส บาซเกซ พยายามจะยิงแต่แป้ก บอลเกือบจะทะลักมาหาโรนัลโด้ แต่โดนสกัดออกไปก่อน
กระทั่งนาทีที่ 57 แอต.มาดริด ตีเสมอ 1-1 ทันควัน กรีซมันน์ จ่ายบอลให้ บีโตโล่ สอดเข้าไปรับทางขวาของเขตโทษเจ้าบ้าน จังหวะแรกพยายามจะดีดให้ผ่านตัวนาวาส แต่โดนบล็อค บอลทะลักมากลางเขตโทษ กรีซมันน์ ซ้ำด้วยซ้ายอย่างเนียน ส่งบอลแฉลบเท้าวารานเข้าประตูไป
จังหวะต่อมา แอต.มาดริด เกือบจะพลิกนำ ดานี่ การ์บาฆาล สกัดบอลออกจากเขตโทษไม่ขาด บอลมาเข้าทาง โกเก้ วอลเล่ย์ด้วยเต็มข้อ แต่ เกย์ลอร์ นาวาส ยังไม่ยอม เซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
เลยมาถึงนาทีที 70 แอต.มาดริด ทำเกมโต้กลับมาทางขวาโดย ซาอูล ญี่เกซ ล็อกเข้าเหลี่ยมเท้าซ้ายแล้วปั่นทันที แต่บอลเลยหลุดเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมแทบไม่มีโอกาสยิงเพิ่ม ครบ 90 นาทีแรก เรอัล มาดริด เสมอกับ แอต.มาดริด 1-1
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด : เกย์ลอร์ นาวาส – ดานี่ การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, มาร์เซโล่ – ลูกัส บาซเกซ, มาเตโอ โควาซิช (ลูก้า โมดริช น.72), โทนี่ โครส, มาร์โก อาเซนซิโอ (อีสโก้ น.72)- แกเร็ธ เบล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (คาริม เบนเซม่า น.64)
สำรอง : กีโก้ กาซีย่า, กาเซมิโร่, เตโอ เอร์นานเดซ, มาร์กอส ยอเรนเต้
แอต.มาดริด : ยาน โอบลัค – ฆวนฟราน ตอร์เรส, สเตฟาน ซาวิช, ดีเอโก้ โกดิน, ลูก้าส์ เอร์นานเดซ – บีโตโล่ (อังเคล กอร์เรอา น.61), ซาอูล ญีเกซ, โตมัส ปาร์เตย์ (เควิน กาเมโร่ น.82), โกเก้ – อองตวน กรีซมันน์, ดีเอโก้ คอสต้า (กาบี เฟร์นานเดซ น.71)
สำรอง : เฟร์นานโด ตอร์เรส, ซีเม เวอร์ซัลจ์โก้, อักเซล เวร์เนอร์, อันโตนิโอ มอนโตโร่
ผู้ตัดสิน : ฆาเบียร์ เอสตราด้า
ที่มา : Simsport
อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซนอล ยอดทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาแสดงความชื่นชม แดนนี เวลเบค ดาวยิงของทีม ที่เพิ่งโชว์ฟอร์มทำ 2 ประตู ช่วยให้ “ปืนใหญ่” เปิดบ้านเฉือน “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน หวุดหวิด 3-2 ในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของหัวหอกวัย 27 ปี ซึ่งยิงประตูในลีกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ทั้งที่เจ้าตัวเจออาการบาดเจ็บรุมเร้ามาโดยตลอด
กุนซือ “ปืนใหญ่” กล่าวว่า “แดนนี เวลเบค เล่นได้เฉียบคมขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะเขาพลาดการลงสนามมาพักใหญ่ ๆ เขาอาจเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา และรู้สึกว่ามีอุปสรรคที่หนักหนาเกินกว่าจะย้ามไปได้ เขาเจ็บทั้งเข่าขวา เข่าซ้าย และต้องพักร่วมปีทั้ง 2 ครั้ง แต่เขาทำงานหนักโดยที่ไม่ต้องมีใครเห็น หลายคนตั้งคำถามว่าเขาจะกลับมาได้ไหม เพราะมันเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดที่คนในวงการกีฬาคนหนึ่งจะต้องเจอเลยก็ว่าได้ แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันยอดเยี่ยมมาก ๆ”
สนาม : สต๊าด แซงต์-แซงโฟเรียง
แอฟเซ เม็ตซ์ ทีมบ๊วย เปิด สต๊าด แซงต์-แซงโฟเรียง พบ โอลิมปิก ลียง
เฟรเดริก อ็องต์ซ เทรนเนอร์เม็ตซ์ วัย 51 ปี ได้ ฌูลิยัน ปัลมิเอรี่ แบ็กซ้ายพ้นโทษแบนยาว 3 นัด กลับมาลงสนาม แต่ทีมขาด วาฮิด เซลิโมวิช เซนเตอร์แบ็กเซอร์เบียวัย 20 ปี ติดโทษแบน 1 นัด
บรูโน่ เชเนซิโอ เทรนเนอร์ลียงวัย 51 ปี ส่ง แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่ กับ เมมฟิส เดอปาย ยืนกองหน้าคู่กัน
ก่อนเกมเริ่มต้น นักเตะทั้งสองทีมต่างยืนสงบนิ่ง 1 นาที ไว้อาลัยให้กับ ซ็อมบา ดิย็อป กองหลังวัย 18 ปี จากทีมสำรองของเลอ อาฟร์ ที่เสียชีวิต เมื่อคืนวันศุกร์ 6 เมษายนที่ผ่านมา
เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 53 วินาที ลียง นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว เมมฟิส เดอปาย เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวาไปที่เสาสอง มาร์เซโล่ เซนเตอร์แบ็กบราซิลวัย 30 ปี ขึ้นโหม่งกดบอลลงพื้นเข้าประตู
นาที 20 ลียงนำห่าง 2-0 เดอปาย เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายไปที่เสาสอง มาร์เซโล่ โขกเผาขนเรียบร้อย นับเป็นประตูที่สองของเขาในนัดนี้ ซึ่งมาจากลูกโหม่งทั้งสองประตู
จบครึ่งแรก ลียงนำห่าง 2-0
มาถึงครึ่งหลัง นาที 65 แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่ จ่ายเร็วทางริมเส้นฝั่งขวาให้ ต็องกีย์ เอ็นดงเบเล่ เปิดต่อไปที่ เมมฟิส เดอปายซัดเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวาตุงตาข่าย ลียงนำห่าง 3-0 เป็นประตูที่ 13 ของเขาในลีก เอิง ฤดูกาลนี้
เม็ตซ์ สู้ไม่ได้เลยในนัดนี้ และแล้วนาที 68 ลียง หนีไปอีกเป็น 4-0 เดอปาย เลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย จ่ายต่อให้ แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่ หวดด้วยซ้ายเข้าประตูนับเป็นลูกที่ 8 ของเขาในลีก ซีซั่นนี้
ท้ายเกม นาที 85 “โอแอล” นำห่าง 5-0 อามีน ชุยรี่ หัวหอกวัย 18 ปี ตัวสำรองกดดันจน จอร์จส์ ม็องด์เช็ก กองกลางเม็ตซ์เสียบอล และเป็น เดอปาย ได้บอล ผ่านต่อไปที่ มาเรียโน่ ดิอาซ กองหน้าตัวสำรองยิงเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายเข้าประตู เป็นลูกที่ 17 ของเขาในลีก ฤดูกาลนี้
จบเกม โอลิมปิก ลียง บุกมาต้อน แอฟเซ เม็ตซ์ ขาดลอย 5-0
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เม็ตซ์ : เออิจิ คาวาชิม่า – อีบัน บัลลิญู, ฟัลลู ดิยาญ, มุสซา เนียกาเต้, ฌูลิยัน ปัลมิเอรี่ – จอร์จส์ ม็องด์เช็ก, เรอโนด์ โกอ๊าด (กัปตันทีม) – ฟลอร็องต์ โมลเล่ต์ – มัตติเยอ ดอสเซวี่, เอ็มมานูเอล ริวิแยร์, โนล็อง รูซ์
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ก็องแต็ง เบอนาร์กโด (ผู้รักษาประตู), โชนาต็อง ริวีเรซ, เคโรนิโม โปเบลเต้, ดานิเยล มิลิเซวิช, ฟาริด บูลาย่า, อิบราอิา นิอาน, โอปา เอ็นแก็ตต์
โอลิมปิก ลียง : แอนโธนี่ โลเปส (กัปตันทีม) – ราฟาเอล, มาร์เซโล่, เฌเรมี่ โมแรล, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – ลูก้าส์ ตูซาร์ – ต็องกีย์ เอ็นดงเบเล่, อุสเซม อาอูอาร์, จอร์ดาน แฟร์รี่ – แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่, เมมฟิส เดอปาย
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : มาติเยอ กอร์ชแล็ง (ผู้รักษาประตู), มุคตาร์ ดิยากาบี้, แฟร์นานโด มาร์ซาล, เคนนี่ เตเต้, เช็กห์ ดิย็อป, มาเรียโน่ ดิอาซ, อามีน ชุยรี่
ผู้ตัดสิน : อองโตนี่ โกติเย่ร์
ที่มา : Siamsport
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ลอนดอน)
อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้ ติโบ กูร์กตัวส์ ฟิตกลับมาเฝ้าเสา แนวรุกวาง วิลเลี่ยน, อัลบาโร่ โมราต้า และ เอแด็น อาซาร์ คอยเข้าทำประตู ฟาก เดวิด มอยส์ นายใหญ่ “ขุนค้อน” ที่มีแข้งเจ็บเยอะ มาในระบบ 3-4-3 วาง มาร์โค อาร์เนาโตวิช รับบทหน้าเป้า
เปิดฉากมาเจ้าบ้านทักทายก่อน อัลบาโร่ โมราต้า โหม่งชงมาให้ เอแด็น อาซาร์ เก็บบอลลงมาแต่งหาช่องซัดห้าเขตโทษหลุดออกหลังไม่เยอะ
นาที 21 แชมป์เก่าได้เสียวจากลูกเตะมุม วิลเลี่ยน เปิดบอลมาจุดนัดพบถึง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า สอดขึ้นมาโหม่งบอลโด่งข้ามคานไม่ถึงคืบ
เชลซี ครองเกมบุกกดดันใส่ตลอด เอแอด็น อาซาร์ แทงบอลหลุดเข้าเขตโทษ อัลบาโร่ โมราต้า ตวัดยิงด้วยซ้ายหลุดกรอบน่าเสียดาย
นาที 35 สิงโตน้ำเงินคราม พลาดโอกาสขึ้นนำน่าเสียดาย จากจังหวะต่อบอลกันสวยหลุดไปถึง วิลเลี่ยน ได้ดวลเดี่ยวกับ โจ ฮาร์ท แต่กลับยิงไปติดเซฟ ฮาร์ท ผวาปัดออกหลังไปได้
อย่างไรก็ตามนาทีต่อมาจากลูกเตะมุม เชลซี ได้ประตูปลดล็อกออกนำ 1-0 จากลูกเตะมุมเปิดเข้ามาแล้วบอลชุลมุนสกัดกันไม่ขาด โมราต้า โขกชงให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เกี่ยวเอาบอลลแล้วดีดผ่านมือ ฮาร์ท เข้าไป จบครึ่งแรก เชลซี ออกนำ เวสต์แฮม 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลังเจ้าบ้านยังปูพรมบุกหนัก วิลเลี่ยน เปิดลูกเตะมุมมาจุดนัดพบ อัลบาโร่ โมราต้า เทกขึ้นโหม่งบอลเหินข้ามคาน
นาที 69 สิงโตน้ำเงินคราม ลุยมาอีกหน บอลทะลักหลุดมาทางขวา วิลเลี่ยน ตามไปเก็บบอลไหลคืนให้ วิคเตอร์ โมเสส วิ่งมาแปบอลโด่งข้ามคาน
หลังบุกเป็นชุดแล้วยิงเพิ่มไม่ได้ กระทั่งนาที 73 เวสต์แฮม มาตามตีเสมอ 1-1 จากบอลโด่งเข้าเขตโทษ แกรี่ เคฮิลล์ โหม่งสกัดออกมาเข้าทาง มาร์โค อาร์เนาโตวิช เก็บบอลไหลคืนให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ “ชิชาริโต้” ตัวสำรองยิงยัดเสียบเสาแรกเด็ดขาด
เจ้าบ้านพยายามตั้งเกมบุกใหม่อีกครั้ง วิลเลี่ยน ผ่านบอลออกทางซ้าย มาร์กอส อลอนโซ่ เติมขึ้นมาซัดเน้นๆไม่ผ่านมือ โจ ฮาร์ท ทุบทิ้งออกไปได้
ช่วงท้ายเกมรูปเกมเปิดทั้งสองฝ่ายต่างมีโอกาสได้ประตูเพิ่มแต่สุดท้ายไม่มีอะไรเพิ่มเติมเกิดขึ้น จบเกม เชลซี ทำได้แค่เสมอ เวสต์แฮม 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม และทำให้ เชลซี มี 57 แต้ม ตามหลังอันดับสี่ สเปอร์ส และอันดับ 3 ลิเวอร์พูล ถึง 10 แต้ม โอกาสไป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แทบหมดลงแล้ว
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เชลซี : ติโบ กูร์กตัวส์, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, แกรี่ เคฮิลล์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, วิคเตอร์ โมเสส (เปโดร โรดรีเกซ น.78), เชสก์ ฟาเบรกาส, เอ็นโคโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ , วิลเลี่ยน, อัลบาโร่ โมราต้า (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.78), เอแด็น อาซาร์
สำรองไม่ได้ใช้ : วิลลี่ กาบาเยโร่, , แดนนี่ ดริงก์วอเตอร์, ตีเยมูเอ้ บากาโยโก้,, อันเดรส คริสเตนเซ่น
เวสต์แฮม : โจ ฮาร์ท, เดแคลนไรซ์, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, แอรอน เครสเวลล์ (ปาทริซ เอวร่า น.64), ปาโบล ซาบาเลต้า, ชีกู คูยาเต้, มาร์ค โนเบิ้ล, อาร์เธอร์ มาซูอากู, เอดิมิลสัน เฟร์นานเดส (ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ “ชิชาริโต้” น.70), ชูเอา มาริโอ (จอช คัลเลน น.85), มาร์โค อาร์เนาโตวิช
สำรองไม่ได้ใช้ : อาเดรียน, จอช พาสค์ ,เกรดี้ ดิอากาน่า, จอร์แดน ฮูกิล
ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์
ที่มา : Siamsport
โดยก่อนเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่้สนามเอติฮัด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา กวาร์ดิโอล่า ได้ออหมาเปิดเผยว่า มิโน่ ไรโอล่า คว้าตัวมิดฟิลด์ที่มชาติฝรั่งเศสไปร่วมทีม ให้ได้
ทั้งนี้ โจเซ่ มูริญโญ่ ได้กล่าวหลังเกมว่าตัวเขานั้นไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้ มูริญโญ่ กล่าวว่า “ผมไม่ได้คิดถึงมันด้วยซ้ำ กวาร์ดิโอล่ากับมิโน่นั้นเราก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ดีอะไร”
“มันเป็นเรื่องปกติที่บางครั้งพวกเขาจะเอ่ยถึงกัน แต่ผมไม่ได้กังวลกับมันเลย ผมไม่ได้ผิดหวังกับเรื่องนี้ และไม่ได้พูดกับปอลด้วย”
“ผมไม่ได้โทรหามิโน่เพื่อถามอะไรเลย ผมแค่โฟกัสในเกมและผมคิดว่าปอลเองก็เหมือนกัน เพราะการที่เขาจะเล่นได้อย่างในวันนี้นั้นเขาต้องมีโฟกัสในเกม”
และ มูริญโญ่ กล่าวเสริมอีกว่า ต้องมีใครซักคนที่โกหกในสองคนนนั้น โดย มูริญโญ่ กล่าวว่า “กวาร์ดิโอล่าพูดแบบนั้น ส่วนเอเยนต์ปฏิเสธ แบบนี้ต้องมีใครสักคนที่พูดความจริงและอีกคนก็โกหก”
“บอกตามตรงผมไม่ได้สนใจที่จะรู้ว่าใครโกหกใครพูดจริง ผมไม่สนใจเลยนะ เอาจริงๆ” มูริญโญ่ ทิ้งท้าย
สนาม : ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค
ดอร์ทมุนด์ลงเตะในบ้านรับแข้งสตุ๊ตการ์ท เจ้าถิ่นส่งมาร์โค รอยส์, มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์ และ มิชี่ บาตชูอายี่ เป็น 3 ประสานแดนหน้า ส่วนม้าขาว นำมาโดยคู่หอกมาริโอ โกเมซ และ ดาเนียล กินเช็ค
ทีมเยือนได้ลุ้นก่อนนาที 26 จากฟรีคิกที่เดนนิส อาโอโก้ เปิดมาให้มาริโอ โกเมซ โหม่งหลุดกรอบไปแบบได้ลุ้น
แต่แล้วในนาทีที่38 แฟนเจ้าถิ่นได้เฮกันลั่น จากการประสานงานของ ลูคัส พิสซ์เช็ค ไหลบอลมาให้ คริสเตียน พูลิซิช ยิงด้วยขวา บอลพุ่งเสียบมุมแคบเข้าไป ให้ดอร์ทมุนด์ ขึ้นนำก่อน 1-0
ช่วงท้ายครึ่งแรก แม้เจ้าถิ่นยังครองเกมได้มากกว่า แต่ยังเจ้าประตูเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์ จึงยังนำ 1-0
เริ่มครึ่งหลังมา ในนาทีที่48 ดอร์ทมุนด์ ก็มาหนีไปเป็น 2-0 จนได้ เมื่อ นูริ ซาฮิน เปิดบอลมาให้ มิชี่ บัตชูอายี่ ยิงด้วยซ้าย ส่งบอลตุงตาข่าย เข้าไปอย่างหมดจด
จากนั้นนาที 59 เจ้าถิ่นหนีไปไกล 3-0 มักซิมิเลียน ฟิลลิปป์ ได้ยิงเสียบมุมแคบเข้าไป ช่วงเวลาที่เหลือก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมดอร์ทมุนด์ถล่มสตุ๊ตการ์ทขาดลอย 3-0
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ดอร์ทมุนด์ : โรมัน เบือร์กี้, ลูคัส พิสซ์เช็ค, โอเมอร์ โทพรัค, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, มาร์เซล ชเมลเซอร์, มาห์มูด ดาห์อูด, นูริ ซาฮิน, คริสเตียน พูลิซิช, มาร์โค รอยส์, มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์, มิชี่ บาตชูอายี่
สตุ๊ตการ์ท : รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์, อันเดรียส เบ็ค, เบนฌาแม็ง ปาวาร์, โฮลเกอร์ บาดชตูเบอร์, เอมิลิอาโน่ อินซูอา, เดนนิส อาโอโก้, ซานติอาโก้ อัสกาซิบาร์, คริสเตียน เกนท์เนอร์, เอริก ธอมมี่, มาริโอ โกเมซ, ดาเนียล กินเช็ค
ผู้ตัดสิน : พาทริค อิททริช
ที่มา : Siamsport
แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษวัย 24 ปี ฟอร์มการเล่นดีต่อเนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมา ฤดูกาลนี้ซัดไปแล้ว 24 ประตูตามหลัง ซาล่าห์ 5 ประตูขณะที่เหลืออีกเพียง 6 เกมสุดท้ายเท่านั้น แต่จากการที่ปีกทีมลิเวอร์พูลดันมีอาการบาดเจ็บรบกวนทำให้ เคน เริ่มมีความหวัง
“ผมยังเชื่อว่าผมสามารถแซงได้ในภายหลัง แต่ผมคงโฟกัสที่เกมของผม เพราะผมไม่สามารถคอนโทรลในสิ่งที่ ซาล่าห์ ทำได้อยู่แล้ว ”
“ยังเหลืออีกตั้งหลายเกมอยู่นะ เราต้องมาลุ้นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภาคภาคหน้า ไม่มีใครสามารถทำนายล่วงหน้าได้หรอก ไม่แน่หรอก บางทีมันอาจพลิกผันก็เป็นได้นะ”
“แน่นอนในฐานะกองหน้า มันจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ต่อการคว้ารางวัลสตั๊ดทองคำได้อีกครั้ง ผมจะก้มหน้าก้มตาทุ่มเทอย่างหนักนับจากนี้ไปจนจบฤดูกาล จากนั้นค่อยมาดูผลลัพธ์อีกที”
ทรรศนะ : RB ไลป์ซิก มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง มาร์เซล ฮัลสเตนแบร์ก และ สเตฟาน อิลซานเคอร์ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ อูปาเมกาโน และ วิลลี่ ออร์บาน ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี ดีเอโก้ เดมเมอ ลงทำเกมร่วมกับ นาบี เกอิต้า โดยใช้ ออกุสแต็ง และ ติโม แวร์เนอร์ ลงยืนเป็นคู่กองหน้า ด้าน เลเวอร์คูเซ่น มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง โปห์ยานปาโล เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ ส่วน ลูคัส อลาริโอ จะติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ โจนาธาน ทาห์ และ สเวน เบนเดอร์ ลงยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กัน แดนกลางมี ชาร์ลส์ อรันกุยซ์ ลงยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ โดยให้ ลีออน เบลีย์ ขึ้นเกมรุกทางริมเส้นฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็น ยูเลี่ยน แบรนด์ท เพื่อคอยสนับสนุน เควิน โฟลลันด์ ที่ลงยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า RB ไลป์ซิก ฟอร์มในนัดล่าสุดเพิ่งเปิดบ้านเอาชนะ มาร์กเซย มาได้ ส่วน เลเวอร์คูเซ่น นัดล่าสุดเพิ่งจะเสมอกับ เอาก์สบวร์ก มาแบบไร้สกอร์ นัดนี้มองว่า RB ไลป์ซิก ยังต้องกังวลอยู่กับเกมที่ต้องบุกไปเยือน มาร์กเซย ในรายการ ยูโรป้าลีก และน่าจะต้องพักตัวหลักใว้บ้าง เกมนี้จะเป็นโอกาสของ เลเวอร์คูเซ่น ที่จะบุกมาเก็บ 3 คะแนน
ฟันธง: เลเวอร์คูเซ่น ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [80%]