แชมป์เปี้ยนชิพ อังกฤษ

วูล์ฟแฮมป์ตัน -VS- ดาร์บี้ เค้าท์ตี้

ราคาต่อรอง : วูล์ฟแฮมป์ตัน ต่อ 0.5/1

สถิติการพบกันล่าสุดของ วูล์ฟแฮมป์ตัน -VS- ดาร์บี้ เค้าท์ตี้

 สถิติ 5 นัดล่าสุดของ วูล์ฟแฮมป์ตัน : ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0

 สถิติ 5 นัดล่าสุดของ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ : ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1

11 ตัวผู้เล่นที่คาดว่าลงสนาม

ตัวผู้เล่นเจ็บและแบน

 

ทรรศนะ : วูล์ฟแฮมป์ตัน เกมนี้ไม่มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ วิลลี่ โบลีย์ , โคอาดี และ ไรอัน เบนเนต ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี โรแม็ง ซาอิสส์ ลงทำเกมร่วมกับ รูแบน แนวึช โดยให้ 3 กองหน้าของทีมอย่าง กาวาไลโร่ , ดิโอโก โจตา และ เบนิค อโฟบี้ ลงเล่นร่วมกันในแดนหน้า ด้าน ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ซัม วินนาลล์ และ มาร์คัส โอลซ์สัน ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ ส่วน แบรดลีย์ จอห์นสัน ต้องรอเช็คสภาพความฟิต นัดนี้จะใช้ เคอร์ติส เดวีส์ และ ริชาร์ด กีออกห์ ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี ฮัดเดิลสโตน ลงคุมเกมร่วมกับ โจ เลดลีย์ โดยให้ มาเตย์ วีดรา ลงเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์คอยทำเกมรุกให้กับ เดวิด นิวเจนต์ ที่ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ฟอร์มของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ถือได้ว่า มีฟอร์มที่ดีเลย หลังจากไม่แพ้ใครมา 5 นัดติดต่อกัน และชนะได้ถึง 4 นัด ส่วน ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ ก็ชนะมาใน 2 นัดหลังสุด นัดนี้มองว่า สภาพทีมของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ค่อนข้างที่จะสมบูรณ์กว่า และนัดนี้ยังได้เล่นในบ้าน จะไม่พลาดที่จะเก็บ 3 แต้ม เพื่อที่จะขยับเข้าใกล้แชมป์ลีกเข้าไปอีก
ฟันธง: วูล์ฟแฮมป์ตัน ชนะ 2-1
ความมั่นใจ : [80%]


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ฟุตบอลสวิต ซูเปอร์ ลีก

บาเซิ่ล -VS- เอฟซี ซูริค

ราคาต่อรอง : บาเซิ่ล ต่อ 1

สถิติการพบกันล่าสุดของ บาเซิ่ล -VS- เอฟซี ซูริค

 สถิติ 5 นัดล่าสุดของ บาเซิ่ล : ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1

 สถิติ 5 นัดล่าสุดของ เอฟซี ซูริค : ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1

 

ทรรศนะ : บาเซิ่ล มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง มาเร็ค ซูซี่ ที่ติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ ฟาเบียน เฟร , เลโอ ลาครัวซ์ และ กอนซารัว ดีเอ ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี จากา ลงคุมเกมร่วมกับ ลูก้า ซุฟฟี โดยให้ เอลยูนูสซี่ ทำเกมรุกทางฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็น สต็อคเกอร์ เพื่อสนับสนุนกองหน้าตัวเป้าอย่าง อัลบิอาน อาเยติ ด้าน เอฟซี ซูริค นัดนี้จะใช้ ทีแรนเดอร์ , วิคเตอร์ พาลส์สัน และ พา โมดู เจน ลงยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี เควิน รุกก ลงทำเกมรุกเพื่อสนับสนุนคู่กองหน้าอย่าง ดวาเมนา และ ไมเคิล เฟรย์ ฟอร์มของ บาเซิ่ล ถือว่ามีฟอร์มที่ดีขึ้น หลังจากไม่แพ้ใครมา 4 นัดติดต่อกัน ส่วน เอฟซี ซูริค ถือว่าฟอร์มไม่ค่อยที่จะดีมากนัก หลังจาก เสมอมาใน 2 นัดหลังสุด หากมองจากสถิติที่พบกันมาใน 3 นัดหลังสุด เป็นทาง บาเซิ่ล ชนะได้ 2 นัด และเสมอ 1 นัด เกมนี้ยังมองว่า บาเซิ่ล จะเอาชนะได้ อีกทั้งยังได้เล่นในบ้านด้วย
ฟันธง: บาเซิ่ล ชนะ 2-0
ความมั่นใจ : [80%]


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ฟุตบอลลีกวัน อังกฤษ

โอลด์แฮม -VS- วอลซอลล์

ราคาต่อรอง : โอลด์แฮม ต่อ 0.5

สถิติการพบกันล่าสุดของ โอลด์แฮม -VS- วอลซอลล์

 สถิติ 5 นัดล่าสุดของ โอลด์แฮม : ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 2

 สถิติ 5 นัดล่าสุดของ วอลซอลล์ : ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 4

11 ตัวผู้เล่นที่คาดว่าลงสนาม

ตัวผู้เล่นเจ็บและแบน

 

ทรรศนะ : โอลด์แฮม มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง ดูมมิแกน ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ ส่วน แอนโทนี เจอร์ราร์ด ต้องรอเช็คสภาพความฟิต นัดนี้จะใช้ คีน ไบรอัน และ อุสเมน เฟน ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี แดน การ์ดเนอร์ ลงคุมเกมร่วมกับ แจ็ค เบิร์น โดยให้ แมคลาฟลิน ลงทำเกมรุกอยู่หลังคู่กองหน้าอย่าง โอบาเดียี และ ออย ดอยล์ ด้าน วอลซอลล์ มีนักเตะที่ลงสนามไม่ได้อย่าง โจ เอ็ดเวิร์ดส์ เนื่องจากยังคงมีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ ฟิตซ์เวเตอร์ และ จอน กูธรี ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี จอร์จ ด็อบสัน ลงคุมเกมร่วมกับ อดัม แชมเบอส์ โดยให้ ออซตูเมอร์ ลงทำเกมรุกอยู่หลังกองหน้าตัวเป้าอย่าง อะมาดู บากาโยโก้ ฟอร์มของ โอลด์แฮม นัดล่าสุดเพิ่งจะบุกไปเสมอกับ อ็อกซ์ฟอร์ด มาได้ ส่วน วอลซอลล์ หลังจากที่แพ้มา 4 นัดติดต่อกัน นัดล่าสุดเพิ่งจะกลับมาคว้าชัยชนะได้ในนัดล่าสุด นัดนี้มองว่า โอลด์แฮม ค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งเวลาได้เล่นในบ้าน อีกทั้ง วอลซอลล์ มีเกมที่ลงเล่นเป็นทีมเยือน ค่อนข้างที่จะแย่ จากการเล่นเป็นทีมเยือน 5 นัดหลังสุด มีชนะได้แค่นัดเดียว และเกมนี้ โอลด์แฮม จะเฉือนเอาชนะไปได้
ฟันธง: โอลด์แฮม ชนะ 2-1
ความมั่นใจ : [80%]


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2)

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ.2561

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) – ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
Manchester City (England) – Liverpool (England)

(ผลนัดแรก ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0)
ถ่ายทอดสด : PPTV HD และ beIN SPORTS 1, เวลา : 01.45 น.

 

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯ ซิตี้ พาทีมออกไปแพ้ลิเวอร์พูลขาดลอย 0-3 ในนัดแรก ก่อนพ่ายแมนฯ ยูไนเต็ด 2-3 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการแพ้ 2 นัดติด

สภาพทีมนี้ เป๊ปไม่มีปัญหาอะไรเพิ่มเติม ขาดแต่พวกที่เดี้ยงอยู่ก่อนทั้ง จอห์น สโตนส์ (ศีรษะ) และ เบนฌาแม็ง เมนดี้ (เข่า)

ส่วนพวกแกนหลักที่เป็นแค่สำรองในเกมล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นไคล์ วอล์คเกอร์, เควิน เดอ บรอยน์ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ก็พร้อมคัมแบ็กทั้งหมด

ด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ลิเวอร์พูล พาทีมถล่มแมนฯ ซิตี้ตุนไว้ก่อน 3-0 ในนัดแรก ก่อนเสมอเอฟเวอร์ตัน 0-0 ในเกมลีกล่าสุด ทำให้ไม่แพ้มา 4 เกมแล้ว

สภาพทีมเกมนี้ที่แน่ๆ คล็อปป์จะไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ติดโทษแบน หลังสะสมใบเหลืองครบโควตา รวมไปถึงโฌแอล มาติป (ต้นขา), อดัม ลัลลาน่า (เอ็นหลังหัวเข่า), โจ โกเมซ (ข้อเท้า) และ เอ็มเร่ ชาน (หลัง) ที่บาดเจ็บทั้งหมด

ส่วนโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เจ็บโคนขาหนีบมาจากเกมแรก ถูกพักไว้เมื่อสุดสัปดาห์ ก็เพื่อเกมนี้โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับบรรดาแกนหลักรายอื่นๆ อย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ก็พร้อมลงลุยในเกมนี้เช่นเดียวกัน

แนวรุกทั้ง ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ พร้อมเต็มที่ ส่วน จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม จะได้ลงเสียบแทน เฮนเดอร์สัน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ฟาเบียน เดลฟ์ – เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา – ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน”, ลีรอย ซาเน่

เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ลอริส คาริอุส – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยัน ลอฟเรน, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์

ผู้ตัดสิน : อันโตนิโอ มาเตว ลาออซ (สเปน)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

– เรือใบต้องชนะให้เยอะทีเดียวสำหรับเกมรอบก่อนรองนัดสองนี้หลังจากที่นัดแรกพ่ายที่แอนฟิลด์ มา 0-3
– นี่เป็นครั้งที่สองในถ้วยยุโรปที่ซิตี้เจอกับทีมจากอังกฤษ และเป็นครั้งที่สองในรอบก่อนรองรอบสามปี ส่วนลิเวอร์พูลเข้ามารอบก่อนรองชนะเลิศครั้งแรกนับแต่ปี 2008/09
– นี่ถือเป็นที่ 17 ที่สโมสรจากอังกฤษต้องมาเจอกันเองในถ้วยยุโรป โดยซิตี้อยู่ในสถิตินี้แค่หนเดียว และลิเวอร์พูล 10 ครั้ง โดย 5 จาก 9 ครั้งเป็นรอบน็อกเอาต์แชมเปี้ยนส์ ลีก
– นัดแรกที่หงส์แดงชนะ ถือเป็นทีมจากอังกฤษที่ชนะในบ้านเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกนับแต่ เลสเตอร์ ชนะ เซบีย่า 2-0 เมื่อซีซั่นก่อนในรอบ 16 ทีม
– ขณะที่นี่คือการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ในเกมยุโรป ทั้งสองทีมเจอกันมาแล้วในบอลอังกฤษ 178 หน ลิเวอร์พูล ชนะ 87, เสมอ 46 และแพ้ 45
– นี่คือครั้งที่สามที่เตะแบบสองนัดในการเตะน็อกเอาต์ ลิเวอร์พูลชนะทั้งสองหนเลย คือในลีก คัพ รอบรองฯ ชนะ 2-1 ปี 2980/81 และ 3-2 ปี 2011/12 และทั้งสองหนหงส์แดงไปถึงแชมป์
– นี่เป็นครั้งที่สองในยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองของซิตี้ โดยหนแรกปี 2015/16 เจอกับเปแอสเช ชนะ 3-2 (ย) 2-2 และ (ห) 1-0
– ในอดีตซิตี้เคยเจอกับสโมสรจากอังกฤษหนเดียวคือ คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1970/71 รอบรอง แพ้ทั้งสองเกมต่อเชลซี 0-1
– ซิตี้ไม่แพ้ 13 เกมในบ้านศึกแชมเปี้ยนสลีก (ชนะ 10, เสมอ 3) รวมรอบคัดเลือก แต่สถิติมาหยุดตรงพ่ายบาเซิ่ล รอบ 16 ทีมนัดสอง 1-2 เป็นการแพ้ครั้งแรกนับแต่พ่ายต่อยูเวนตุส ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกของปี 2015/16
– ซิตี้ชนะ 7 จาก 8 เกมหลังสุดยูโรเปี้ยน คัพ ในบ้าน รวมถึง 4 เกมติดต่อกันก่อนมาแพ้บาเซิ่ล
– ซิตี้ชนะแค่ 2 จาก 6 ครั้งศึกยุโรปที่พวกเขาเยือนแล้วแพ้ต่อนัดแรก และแพ้รวดในสกอร์รวม 4 หนหลังสุด
– สถิติซิตี้ ในการดวลจุดโทษศึกยุโรปคือชนะ 2 และไม่แพ้เลย ต่อ มิดทิลแลนด์ ศึกยูฟ่า คัพ รอบคัดเลือกรอบสอง ปี 2008/09 ด้วยสกอร์ 4-2 และ ปีเดียวกัน ชนะ อัลบอร์ก 4-3 ในรอบ 16 ทีม
– ขณะที่ลิเวอร์พูลชนะ 9 จาก 13 หนก่อนหน้าในยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
– ลิเวอร์พูลเล่นกับทีมจากอังกฤษรอบน็อกเอาต์เตะสองนัดมา 8 หน ผลงานอยู่ที่ชนะ 5, แพ้ 3 หนล่าสุดคือชนะผีแดงในยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมปี 2015/16 (ชนะ 2-0ในบ้าน, เยือนเสมอ 1-1)
– ดานิโล่, อินคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, กาเบรียล เชซุส และ แฟร์นันดินโญ่ เป็นนักเตะของเรือใบที่ต้องระวังห้ามโดนใบเหลืองไม่เช่นนั้นจะติดแบนในรอบหน้าถ้าเข้ารอบ
– ส่วนลิเวอร์พูลเกมนี้ไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ติดแบนเพราะเหลืองสะสม ขณะที่ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ถ้าโดนเหลืองจะติดแบนทันที
– หงส์แดงเคยเจอกับทีมอังกฤษในยูโรเปี้ยน คัพ 6 ครั้ง เริ่มที่ฟอเรสต์ ปี 1978/79 รอบแรก ส่วนอีก 5 หนเป็นการเจอเชลซี 4 ครั้ง และอาร์เซน่อล 1 ครั้ง
– ลิเวอร์พูลไม่เคยชนะเกมเยือนยุโรปกับทีมจากอังกฤษคือ (เสมอ 5, แพ้ 4)
– หงส์แดงชนะทั้ง 4 เกมที่ชนะที่บ้านก่อน 3-0 นั่นรวมถึง ยูฟ่า คัพ รอบชิงปี 1972/73 ที่เจอกับ กลัดบัค ด้วย
– สถิติหงส์แดงในการเตะจุดโทษถ้วยยุโรปคือ ชนะ 3, แพ้ 1 โดยชนะ โรม่า ปี 1984 นัดชิง, ชนะเอซี มิลาน ปี 2004/05, ชนะ เชลซี ปี 2006/07 และ แพ้ เบซิคตัส ยูโรปา ลีก ปี 2015
– คล็อปป์เจอกับเป๊ปสถิติทุกรายการอยู่ที่ คล็อปป์ ชนะ 7, เสมอ 1, แพ้ 5
– หงส์แดงยิงอย่างน้อย 3 เม็ดใน 6 จาก 7 เกมหลังสุดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
– หงส์แดงไม่เสียประตู 6 จาก 7 เกมหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก
– หงส์ไม่แพ้ใน 13 เกมหลังสุดแชมเปี้ยนส์ ลีก
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ลูกใน 6 จาก 7 เกมหลังสุดของเรือใบในแชมเปี้ยนส์ ลีก
– ซิตี้ มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ลูกใน 6 จาก 7 เกมหลังสุดในบ้านเมื่อเจอกับหงส์แดงนับทุกรายการ
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ลูกใน 6 จาก 7 เกมหลังแชมเปี้ยนส์ ลีก ของหงส์แดง


ที่มา : Siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

“โต๊ะเล็กสิงห์คลองเตย” ฟุตซอลการท่าเรือ เอเอสเอ็ม เปิดตัว “เดอะมิกซ์” พิสิษฐ์ เหมะจันทร์ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีม โอสถสภาฯ เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมในการแข่งขันเอไอเอส ฟุตซอลไทยลีก 2018


เมื่อวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.2561 ณ ตึกการท่าเรือแห่งประเทศไทย ชั้น 19 “สิงห์คลองเตย” สโมสรฟุตซอลการท่าเรือ เอเอสเอ็ม ได้แถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงบริหารทีม และเปิดตัวสโมสรเพื่อเข้าแข่งขัน เอไอเอส ฟุตซอลไทยลีก 2018 อย่างเป็นทางการ รวมถึงเป้าหมาย และเปิดตัวผู้สนับสนุน, ผู้เล่น-ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช และชุดแข่งขันใหม่ สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนัดแรกของสโมสรฟุตซอลฟุตซอลการท่าเรือ เอเอสเอ็ม ในศึก เอไอเอส ฟุตซอลไทยลีก 2018 จะเปิดโกดัง สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ บางกอก ซิตี้ ในวันที่ 22 เม.ย.2561 เวลา 16.00 น.


ที่มา : buaksib


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือจอมออกลีลาของ ลิเวอร์พูล เผยชี้ชัดศึกที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ผ่านมาแค่ครึ่งทางและถึงแม้พวกเขาจะขึ้นนำอยู่แต่ยังไม่ได้คว้าชัยชนะ


คล็อปป์ เตรียมนำลูกทีมบุกเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม ในคืนนี้หลังคว้าชัยชนะมาได้ในเกมแรกของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ 3-0

ซิตี้ ปราชัยต่อ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์และกลับมาพ่ายคาบ้านให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ ลีกแม้ว่าจะออกนำ 2-0 ในครึ่งเวลาแต่พลิกปราชัย 3-2

อย่างไรก็ตามทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงมีสถิติเกมรับที่ยอดเยี่ยมและคล็อปป์ก็ไม่เชื่อว่าฟอร์มแนวรับของพวกเขาจะมีผลกระทบต่อเกมนัดนี้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คล็อป

“ผมได้ดูกับระหว่างซิตี้กับยูไนเต็ดเมื่อสุดสัปดาห์ มันเป็นหนึ่งในครึ่งแรกที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา มันเหมือนกับพายุฝนฟ้าคะนอง”คล็อปป์กล่าว

“จากนั้นในครึ่งเวลาหลังเกมเปลี่ยนไป หลังจากได้ประตูแรก ทีมหนึ่งหาจังหวะเจอแต่อีกทีมเสียจังหวะไป”

“เราสามารถเจอได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าพวกเขาจะยิงได้เร็วหรือเรายิงได้เร็วแต่มันไม่มีแผนการสำหรับเรื่องนี้ ผมคงบอกลูกทีมไม่ได้ว่า’เด็กๆ! ยิงให้เร็ว!’ เอาล่ะ ผมคงบอกได้แต่ผมไม่คิดว่ามันจะช่วยอะไรได้นะ”

“นี่แค่ครึ่งทาง มันก็เหมือนกับครึ่งทางที่แอนฟิลด์ เกมยังไม่จบ เราขึ้นนำ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น การนำไม่ได้หมายความว่าชนะ เรายังคงนำอยู่แต่เรายังไม่ชนะ”


ที่มา : buaksib


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2)

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ.2561

อาแอส โรม่า (อิตาลี) – บาร์เซโลน่า (สเปน)
AS Roma(Italy) – Barcelona (Spain)

(ผลนัดแรก บาร์เซโลน่า ชนะ 4-1)
ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 2, เวลา : 01.45 น.

 

สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก

“หมาป่า” โรม่า ทีมชั้นนำของกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี บุกไปพ่ายให้กับ บาร์ซ่า มาก่อน 1-4 ในนัดแรก ทำให้เป็นงานช้างทีเดียว หากอยากพลิกกลับมาเข้ารอบ

ยูเซปิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ เทรนเนอร์ของโรม่า ที่พาทีมเปิดบ้านพ่าย ฟิออเรนติน่า มา 0-2 ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี นัดล่าสุด ยังรั้งอันดับสามของตารางคะแนน

สภาพทีมเกมนี้ต้องขาด ริค คาร์สดอร์ป กองหลังวัย 23 ปี ชาวดัตซ์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมทั้งรอประเมินอาการบาดเจ็บต้นขาของ รัดย่า นาอิงโกลัน มิดฟิลด์คนสำคัญด้วย

อย่างไรก็ตามได้ตัว เกนกิซ อึนแดร์ ฟื้นตัวจากอาการเจ็บหัวเข่า ลงล่าตาข่ายร่วมกับ เอดิน เชโก้ และ ดีเอโก้ เปร็อตติ

นอกจากนั้นได้ตัว ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ มิดฟิลด์ตัวเก่งอีกราย หายเจ็บน่อง ลงทำเกมแดนกลางกับ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ และ เควิน สตรอทมัน

รูปแบบการเล่นใช้สูตร 4-3-3 ให้ อลิสซอน นายทวารชาวบราซิล ลงมาเฝ้าเสา พร้อมได้ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, เฟเดรีโก้ ฟาซีโอ, คอสตาส มาโนลาส และ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ประจำการเกมรับ

ด้าน “อาซูลกราน่า” บาร์เซโลน่า ยอดทีมจากกาตาลัน เปิดบ้านไล่ขยี้ โรม่า ถึง 4-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ทำให้ได้เปรียบเยอะทีเดียวในการบุกมาเยือน โรม่า นัดที่สอง และโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบตัดเชือกถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 11 ก็สดใสทีเดียว

ส่วนผลงานในลา ลีกา นั้น เพิ่งเปิดบ้านทุบ เลกาเนส 3-1 จากการทำแฮตทริกของเมสซี่ ทำให้นำจ่าฝูงแบบสบายๆ ทิ้งห่าง แอต.มาดริด ไป 11 คะแนนแล้ว เมื่อผ่านมา 31 นัด

ความพร้อมเกมนี้ บาร์ซ่า ไม่มี ฟิลิปป์ คูตินโญ่ ตัวรุกคนเก่งชาวบราซิล ที่ไม่มีสิทธิ์เล่นรายการนี้ให้กับเจ้าบุญทุ่ม เนื่องจากเคยลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดเก่ามาก่อนแล้ว

นอกจากนั้นต้องขาด ลูก้าส์ ดีญ กับ เซร์จี้ ซามเปร์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมทั้งรอเช็ก เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กองกลางตัวตัดเกมคนสำคัญด้วย

รูปแบบการเล่นใช้สูตร 4-4-2 ให้ มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ลงมาเฝ้าเสา พร้อมได้ความช่วยเหลือจากแนวรับอย่าง เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้ และ จอร์ดี้ อัลบา

ขุมกำลังในแดนกลางวาง เซร์จี้ โรเบร์โต้, เปาลินโญ่, อิวาน ราคิติช และ อันเดรส อีเนียสต้า (กัปตันทีม) ลงมาทำเกมรุกและช่วยเกมรับ

คู่หน้าส่ง ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่ซัดไปแล้ว 29 ประตูในลา ลีกา เวลานี้ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงชาวอุรุกวัย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง

โรม่า : อลิสซอน – อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, คอสตาส มาโนลาส, เฟเดรีโก้ ฟาซีโอ, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ – ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ (กัปตันทีม), เควิน สตรอทมัน – เกนกิซ อึนแดร์, เอดิน เชโก้, ดีเอโก้ เปร็อตติ

บาร์เซโลน่า : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น – เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้, จอร์ดี้ อัลบา – เซร์จี้ โรเบร์โต้, เปาลินโญ่, อิวาน ราคิติช, อันเดรส อีเนียสต้า (กัปตันทีม) – ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ

ผู้ตัดสิน : เกลม็องต์ ตูร์กแป็ง (ฝรั่งเศส)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

– โรม่าเสร็จบาร์ซ่าที่คัมป์ นู ก่อนถึง 1-4 ซึ่งพวกเขานั้นแพ้ทั้งสองหนก่อนหน้านี้ที่เล่นรอบก่อนรองชนะเลิศ หนสุดท้ายทศรววรษที่แล้ว ส่วนปี 1983/84 ทีมหมาป่าผ่านรอบนี้ได้
– บาร์ซ่าเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ 6 ปีติดนับแต่ปี 2008-2013 แต่ 3 จาก 4 หนหลังหยุดที่รอบนี้
– โรม่าแพ้ 2 จาก 5 หนหลังที่เจอกับบาร์ซ่า โดยก่อนหน้านั้นมาเยือนคัมป์ นู หนหลังสุดก็โดนยำไป 6-1 เมื่อสองซีซั่นก่อน
– สถิติโรม่าในรอบก่อนรองชนะเลิศคือ ชนะ 1, แพ้ 2
– ทีมจากอิตาลีแพ้รวดใน 4 เกมหลังสุดรอบก่อนรองชนะเลิศ
– โรม่าสถิติเตะแบบสองนัดเจอกับทีมจากสเปน คือ ชนะ 3, แพ้ 4 หนสุดท้ายคือชนะบียาร์เรอัล ในรอบ 32 ทีมยูโรปา ลีก ซีซั่นก่อน
– สถิติโรม่าในการเจอกับทีมจากสเปนคือ ชนะ 10, เสมอ 5, แพ้ 16 และถ้าเล่นในบ้านคือ ชนะ 6, เสมอ 2, แพ้ 7 โดยพวกเขาไม่ชนะ 4 หนหลังที่เจอกับทีมจากสเปนที่บ้านตัวเอง นับแต่ชนะ 2-1 เหนือราชันในรอบ 16 ทีมปี 2007/08
– ชัยชนะเหนือบียาร์เรอัลซีซั่นก่อน ถือเป็นการชนะหนเดียวใน 9 เกมหลังสุดของโรม่า ที่มีเหนือทีมจากสเปน ทั้งเหย้าและเยือน (เสมอ 2, แพ้ 6)
– โรม่ามีสถิติการยิงจุดโทษในถ้วยยุโรปคือ ชนะ 1, แพ้ 3
– บาร์ซ่ามีสถิติในถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศคือ ชนะ 14, แพ้ 5 แต่ก็แพ้ใน 3 จาก 4 หนหลัง โดยปีก่อนตกรอบนี้ด้วยน้ำมือของยูเว่ ส่วนอีกสองครั้งที่ตกก็ตกด้วยน้ำมือของตราหมี
– บาร์ซ่า สถิติเตะแบบสองนัดเหย้า-เยือนเจอกับทีมจากอิตาลี คือ ชนะ 8, แพ้ 4
– สถิติบาร์ซ่าไปเยือนทีมเซเรีย อา คือชนะ 6, เสมอ 10, แพ้ 6 และไม่ชนะเลยใน 6 หนหลัง (เสมอ 4, แพ้ 2)
– บาร์ซ่าชนะแค่ 5 จาก 15 เกมเยือนหลังโดยเสมอ 5 และแพ้ 5, พวกเขาแพ้ 3 จาก 8 เกมเยือนหลังแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบนี้ถึง 0-4 ต่อเปแอสเชซีซั่นก่อน
– บาร์ซ่าชนะ 38 จาก 41 เกมยุโรป ที่ชนะในเกมแรกที่บ้าน หนสุดท้ายที่ชนะในบ้านนัดแรกแล้วแพ้เกมเยือนคือเจอกับตราหมี ปี 2015/16 รอบก่อนรองชนะเลิศ (2-1 ชนะในบ้าน, ไปเยือนแพ้ 0-2)
– สถิติการยิงจุดโทษของบาร์ซ่าในถ้วยยุโรปคือชนะ 5, แพ้ 1
– บาร์ซ่าไม่แพ้ใน 10 เกมหลังสุดแชมเปี้ยนส์ ลีก
– บาร์ซ่าตอนนี้ไม่แพ้ใคร 38 เกมลีกหลังสุด (ชนะ 31, เสมอ 7) เทียบกับสถิติตลอดกาลที่เรอัล โซเซียดาด ทำไว้ช่วงปี 1979-80 (ชนะ 21, เสมอ 17)
– ดีเอโก้ เปร็อตติ กับ คอสตาส มาโนลาส ของโรม่าถ้าโดนเหลืองเข้ารอบไปจะติดแบน ส่วนฝั่งบาร์ซ่า เซร์กี้ โรแบร์โต้ ต้องระวัง


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า อาร์เซน่อล เตรียมที่จะเปลี่ยนสปอนเซอร์เสื้อจาก Puma มาเป็น Adidas ซีซั่นหน้า และอาจจะรับเงินประมาณ 40 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว


โดยปัจจุบันนั้น อาร์เซน่อล ได้ร่วมงานกับ Puma อยู่ และรับทรัพย์อยู่ที่ 30 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล และจะหมดลงช่วงสิ้นสุดฤดูกาลหน้า

ซึ่ง แบรนด์ชื่อดังขอเยอรมนี กลายเป็นตัวเต็งที่จะกลายเป็นสปอนเซอร์รายใหม่ของทีมปืนใหญ่ และ เตรียมจะทุ่มเงินฤดูกาลละประมาณ 40 ล้านปอนด์ให้กับอาร์เซนอล

ทั้งนี้ สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่รับทรัพย์จากสปอนเซอร์เสื้อมากที่สุด โดยพวกเขารับอยู่ที่า 75 ล้านปอนด์ ต่อปี ด้วยกัน


ที่มา : buaksib


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

ผลงานดีต่อเนื่อง! ชนาธิป สรงกระสินธ์ พร้อมสองแข้งคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ติดทีมยอดเยี่ยมจากการจัดของ DAZN ผู้ถือลิขสิทธิ์ เจลีก เจ้าตัวเผยสภาพร่างกายไม่มีปัญหาขอสานต่อฟอร์มดีพร้อมหวังพาทีมเก็บสามแต้มเหนือ โชนัน เบลมาเล่ ให้ได้


ความเคลื่อนไหวของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะทีมชาติไทยที่ไปค้าแข้งในศึกเจลีก 2018 กับทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ซึ่งได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริง 6 เกมติดต่อกันในเจลีก และเกมล่าสุดที่ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เปิดบ้านเอาชนะ นาโกย่า แกรมปัส 3-0 เจ ชนาธิป ก็ยังรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมได้เช่นเคย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เมษายน เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา เจ ชนาธิป และ ขุนพล คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ลงฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องที่ มิยาโนซาว่า วันนี้ มิไฮโล เปโตรวิช เฮดโค้ชจอมเก๋า ได้ให้นักเตะฝึกซ้อมเต็มรูปแบบทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยเริ่มจากวิ่งวอร์มร่างกาย , เล่นลิงชิงบอล , การเคลื่อนที่ และลงทีมเล่นสมอลไซส์ ซึ่ง เจ ชนาธิป ยังถูกจับอยู่ในชุดตัวหลักประสานงานร่วมกับ โคจิ มิโยชิ และ เจย์ โบธรอยด์

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

สิ่งที่เห็นการฝึกซ้อมในวันนี้ เปโตรวิช ได้เน้นให้นักเตะมีสมาธิมากๆในการเล่นพร้อมกับเน้นการออกบอลเร็วและแม่นยำรวมไปถึงยังฝึกซ้อมการเล่นลูกนิ่งต่างๆทั้งฟรีคิกและเตะมุมเป็นเวลากว่า 2 ชม. จึงเสร็จสิ้น

เจ ชนาธิป ได้เผยถึงสภาพร่างกายก่อนเกมเจอ โชนัน เบลมาเล่ ว่า “ในตอนนี้พร้อมเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีอาการล้าบ้างแต่ก็ไม่เป็นผลแน่นอน ส่วนเกมวันพรุ่งนี้ (11เม.ย.) ขอสานต่อฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมให้ได้เพื่อพาทีมเก็บสามคะแนนในบ้านต่อหน้าแฟนบอลอีก”

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ทางด้าน Dazn ผู้ถือลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลเจลีก 2018 ได้เลือกผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำกาาแข่งขันนัดที่หก ปรากฎว่ามีชื่อของ เจ ชนาธิป พร้อมกับอีกสองแข้งของทีม คอนซาโดเล่ ซัปโปโร อย่าง โคมาอิ วิงแบ็คขวา และ ชินโด เซเตอร์ฮาล์ฟ ติดทีมด้วย

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของทีม คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จะมีคิวเปิดซัปโปโรโดมต้อนรับการมาเยือนของ โชนัน เบลมาเล่ ในวันที่ 11 เมษายน เวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ทรูสปอร์ต 3

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6

ชนาธิปควง2แข้งคอนซาโดเล่ติดทีมยอดเยี่ยมเจลีกนัด6


ที่มา : siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

เป็นที่รู้กันว่าแกเร็ธ เบล เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยกระดับฝีเท้าก้าวขึ้นมาสู่ระดับโลก หลังจากที่เขาเปลี่ยนตำแหน่งจากแบ็กซ้ายมาเป็นตัวรุกซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะระดับโลกจนถูกเรอัล มาดริดคว้าตัวไปครอบครอง ส่วนอีกรายก็เป็นเธียร์รี่ อองรี ที่หลายคนทราบกันดีว่าเคยเล่นปีกมาก่อน ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นสุดยอดกองหน้าระดับโลก


อย่างไรก็ตามนอกจากปีกชาวเวลส์และตีตี้แล้ว มีใครบ้างที่เปลี่ยนตำแหน่งแล้วรุ่ง เราจะพาไปดู 5 แข้งเหล่านั้น

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

5. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

ในตอนที่ ฟาน เพอร์ซี ย้ายเข้าสู่อ้อมอกอาร์เซน่อล ด้วยวัย 20 ปี เขาคือปีกดาวรุ่งที่เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังดัตช์ จากความเร็ว เทคนิค ความสามารถหลอกล่อคู่แข่ง และการจบสกอร์ ที่เขามี

อย่างไรก็ตาม อาร์แซน เวนเกอร์ ได้มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเด็กหนุ่มคนนี้ จึงขยับเพอร์ซี่ มาเล่นในตำแหน่งกองหน้า และเขาก็ตอบแทนด้วยประตูเป็นกอบเป็นกำจนเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของยุโรป ณ เวลานั้น และย้ายเข้าสู่รั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเวลาต่อมา

ตลอดชีวิตการค้าแข้ง เขาทำไปกว่า 300 ประตู ซึ่งประตูที่หลายคนจดจำได้คือลูกโหม่งใส่ทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลก 2014 จนได้รับการเรียกลูกนั้นว่า “เดอะ ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน”

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

4. แว็งซองต์ ก็องปานี

กัปตันทีมแมนฯซิตี้ ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของอันเดอร์เลช ด้วยวัยเพียง 17 ปี ในฐานะกองกลางตัวรับ จนได้ย้ายเข้าสู่ลีกบุนเดสลีก้ากับฮัมบูร์ก ซึ่งที่นี่เขาก็ยังคงเล่นตำแหน่งนี้อยู่

ต่อมาเขาข้ามฟากมาเล่นในพรีเมียร์ลีก กับแมนฯซิตี้ในยุคของมาร์ค ฮิวจส์ ในช่วงแรกเขาก็ยังคงเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับอยู่ แต่ในขณะที่เขากำลังทำได้ดีกับตำแหน่งนี้ ในปี 2010 เขาได้ค้นพบตัวเองว่าอีกหนึ่งตำแหน่งที่ตัวเองทำได้ดีคือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

8 ปีต่อมา ก็องปานี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก และพาเรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์ลีกได้ถึงสองสมัย

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

3. ไรอัน เซสเซอยอง

อาจจะเร็วไปหน่อยที่จะตัดสินว่าเขาได้ประสบความสำเร็จกับตำแหน่งใหม่ แต่ผลงานของเจ้าหนูดาวรุ่งคนนี้ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน

เรื่องราวเปลี่ยนตำแหน่งของเซสเซอยอง ช่างคล้ายกับแกเร็ธ เบล ยิ่งนัก คือเริ่มต้นตัวเองจากแบ็ก และขยับขึ้นมาเป็นปีกซ้าย โดยผลงานที่จับต้องได้ของหนุ่มน้อยวัย17 ปี คือ 14 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ จนพาฟูแล่ม มีลุ้นเลื่อนชั้นในปีนี้

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

2. บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

สิ่งหนึ่งที่หลุยส์ ฟานกัล ทิ้งมรดกไว้ให้กับบาเยิร์น มิวนิคคือการปรับตำแหน่งของชไวน์สไตเกอร์ จากปีก มาสู่มิดฟิลด์ตัวกลาง

ในสมัยรุ่งๆ อดีตแข้งปีศาจแดง แจ้งเกิดกับตำแหน่งปีกซ้าย ที่คอยกระชากลากเลื้อยและตัดเข้าใน แต่ในปี2009 ฟานกัล มองเห็นอะไรในตัวชไวนี่ มากกว่านั้น จึงจับมาเล่นตำแหน่งกึ่งๆกองกลางตัวรับ ซึ่งเรื่องราวที่เหลือหลังจากนั้นคือประวัติศาสตร์ของเขาอย่างแท้จริง

ชไวนี่ สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นตำนานของเสือใต้ ก่อนจะมาอยู่กับแมนฯยูไนเต็ดและตอนนี้โลดแล่นอยู่ในเมเจอร์ลีก กับ ชิคาโก้ ไฟร์

ชีวิตเปลี่ยน! 5 แข้งเปลี่ยนตำแหน่งจนดังระดับโลก

1. พอล สโคลส์

มีใครทราบบ้างว่า พอล สโคลส์ เคยเล่นกองหน้ามาก่อน? แต่ในเดือนกันยายน ปี 1997 ฟ้าก็ลิขิตให้เขาเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางเพราะรอย คีน โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนลงสนามไม่ได้

สโคลส์ เคยเล่นกองหน้าเคียงข้างกับ เอริค คันโตน่า และ แอนดี้ โคล อย่างไรก็ตามตำแหน่งนั้นอาจไม่ทำให้เขาแจ้งเกิดได้เท่ากับการเล่นมิดฟิลด์ ลูกยิงไกลอันทรงพลัง วิสัยทัศน์การเล่น การวางบอล ความฉลาดในการอ่านเกม คือสิ่งที่เห็นได้จากสโคลส์

มิดฟิลด์หัวแดงเพลิง ได้รับการยกย่องจากนักเตะชั้นนำหลายคนและแฟนบอลทั่วโลกว่า คือกองกลางที่ดีที่สุดในโลก แล้วคุณละคิดยังไงกับสโคลซี่?


ที่มา : siamsport


ทีเด็ดบอล / วิเคราะห์บอล / เซียนล้มโต๊ะ/ วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment

หน้าก่อนหน้าหน้าถัดไป » [top-banner9]