ทรรศนะ : แบรสต์ นัดนี้จะใช้ เว็บเบอร์ ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์กับ ชาดอนเน็ท กองกลางใช้ อเล็กซานเดอร์โคฟฟ์ คอยทำเกมส์ร่วมกับเจสซี่พาย กองหน้าตัวเป้าใช้ ชาบอนเนียร์ ด้านทีมเยือนนัดนี้จะใช้ เบรียนซอน และฮาเร็ค ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ กองกลางมี ซาวาเนียร์ คอยคุมเกมส์ร่วมกับ คาสตินโญ่ คู่กองหน้าใช้ อาลีอุย และโบซ็อค ฟอร์มของ แบรสต์ นัดล่าสุดเพิ่งจะชนะ โอแซร์ มา ด้าน นีมส์ ไม่แพ้ใครมา 6นัดติดต่อกันแล้ว อีกทั้ง 3นัดหลังสุดยังชนะติดต่อกันมาด้วย นัดนี้มองจากตารางคะแนนแล้ว นีมส์ น่าจะมีแรงจูงใจมากกว่า เพื่อที่จะแย่งอันดับที่ 2 อีกทั้งฟอร์อมของนักเตะก็ยังอยู่ในช่วงที่ดีด้วย นัดนี้ นีมส์ จะบุกไปคว้าชัยในบ้านของ แบรสต์ ได้อย่างแน่นอน
ฟันธง: นีมส์ ชนะ 3-1
ความมั่นใจ : [80%]
เว็บเเทงบอลออนไลน์ เเทงบอลออนไลน์ เเทงบอล เเทงหวยออนไลน์
คลิ๊กลิงค์ —> ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์
ทรรศนะ : ฮูเอสก้า นัดนี้จะขาดกองกลางตัวหลังถึง 2คนอย่าง กอนซาเรซ และเมเรโร่ เนื่องจากติดโทษใบแดง นัดนี้จะใช้ อมาดอร์ ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์กับ โลเปซมอนตาน่า กองกลางจะใช้ อากีเลรา คอยทำเกมส์ร่วมกับ ซาซเตร กองหน้าตัวเป้าเป็นหน้าที่ของ อะวีรา ด้านทีมเยือน นัดนี้จะไม่มีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ เฟเดอรอโก้ บาร์บา และโรดรีเกซมาร์ติ ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ กองกลางมี เบอกานตินอซ ที่พ้นโทษใบแดง กลับมายืนคุมเกมส์ร่วมกับ อัลวาเรซ กองหน้าตัวเป้าใช้ ซานโตส ฟอร์มฮูเอสก้า ถือว่าค่อนข้างที่จะย่ำแย่ไม่ชนะใครมา 4นัดติดต่อกันแล้ว ด้านสปอร์ติ้ง กิฆ่อน ฟอร์มถือว่าดีเลยทีเดียวชนะมา 3นัดติดต่อกันแล้ว นัดนี้ทั้ง 2 ทีมจะต้องเน้นเก็บแต้มให้ได้เพื่อทำอันดับไปเล่นบนลีกสูงสุดอีกครั้ง ฮูเอสก้า นัดนี้ขาดกองกลางตัวหลักไปถึง 2คนน่าจะส่งผลกระทบต่อทีมอย่างแน่นอน
ฟันธง: สปอร์ติ้ง กิฆ่อน ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [80%]
เว็บเเทงบอลออนไลน์ เเทงบอลออนไลน์ เเทงบอล เเทงหวยออนไลน์
คลิ๊กลิงค์ —> ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์
ทรรศนะ : คาร์ปิ นัดนี้จะใช้ โพลี่ คาเปลา และอเลซซานโดรรีกิ ยืนเป็นกองหลัง 3คนกองกลางมี เอ็มบายี่ และปาซซิอูติ คอยทำเกมส์ร่วมกัน คู่กองหน้าใช้ การ์ริตาโน่ และเมลชิออร์รี่ ด้านทีมเยือนนัดนี้จะใช้ เบอรา ก็อซซิ และเบอกาเมลลี่ ยืนเป็นกองหลัง 3คน กองกลางมี เกอร์มาโน่ คอยทำเกมส์รุกร่วมกับ คาสติงเกรีย คู่กองหน้าใช้ มอร์ร่า และคานูเต้ ฟอร์ม คาร์ปิ เพิ่งจะกลับมาคืนฟอร์มเก่งจากนัดล่าสุดที่บุกไปชนะ เปสคาร่า มา ด้านทีมเยือนฟอร์อมไม่ค่อยดีมากนัก เสมอมา 5นัดติดต่อกันแล้ว นัดนี้ทั้ง 2ทีมต้องการแต้มด้วยกันทั้งคู่ คาร์ปิ ต้องการแต้มเพื่อลุ้นเพลย์อออฟ ส่วน โปร เวอร์เซลลี่ ต้องการแต้มเพื่อหนีจากโซนตกชั้น นัดนี้ คาร์ปิ ได้เล่นในบ้าน อีกทั้งนัดล่าสุดเพิ่งจะชนะมา นัดนี้เจ้าบ้านน่าจะคว้าชัยเป็นนัดที่ 2ติดต่อกัน
ฟันธง: คาร์ปิ ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [80%]
เว็บเเทงบอลออนไลน์ เเทงบอลออนไลน์ เเทงบอล เเทงหวยออนไลน์
คลิ๊กลิงค์ —> ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์
“ไก่เดือยทอง” ผ่านเข้ารอบตัดเชือกหลังคว้าชัยชนะเหนือสวอนซี ซิตี้แบบสบายเท้า 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ในฤดูกาลนี้ สเปอร์ส ใช้เวมบลีย์เป็นรังเหย้า ขณะที่กำลังรอการก่อสร้างสนามใหม่ให้เสร็จสิ้น
ก่อนมีการบังคับใช้เป็นสังเวียนแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ และ รอบชิงชนะเลิศ สมาคมฟุตบอลได้ใช้สนามกลางทั้งโอลด์ แทรฟฟอร์ด และ วิลล่า ปาร์คสำหรับจัดการแข่งขัน ซึ่งหากแมนฯ ยูไนเต็ดผ่านมาถึงรอบสี่ทีมสุดท้าย พวกเขาก็จะไม่ได้เล่นในบ้านตัวเอง
ด้วยเหตุผลนี้ แฟนบอลต้องการให้สมาคมฟุตบอลบังคับใช้เรื่องดังกล่าวกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เพราะอาจทำให้ไก่เดือยทองได้เปรียบคู่แข่งไม่ว่าจะเจอกับทีมไหนในรอบต่อไป
“เอฟเอควรจัดการว่ารอบรองชนะเลิศที่ท็อตแน่มมีส่วนรวม ควรจัดในสนามที่ไม่ใช่เวมบลีย์ ฟุตบอลเอฟเอ คัพปี 2018 อาจเป็นมีทีมที่ได้แชมป์โดยกุมความได้เปรียบในการเล่นในบ้าน” @BestiesBoots7
“@FA สเปอร์สจะได้เตะในบ้านไหมกับรอบรองชนะเลิศหรือว่าใช้สนามกลาง โปรดอย่าทำให้เอฟเอ คัพเสื่อมคุณค่าโดยปล่อยให้พวกเขาได้เล่นที่เวมบลีย์” @GazMan16
“@fa รอบรองชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ มีสองทีมที่ได้เล่นในสนามกลาง และมีอีกหนึ่งทีมจะต้องบุกไปเยือนสเปอร์ส” @johnny_fingers5
“สวัสดี @FA ผมทวีตหาด้วยความกังวลใจในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง มันไม่แฟร์ที่จะมีทีมกุมความได้เปรียบด้วยการเล่นในบ้านกับรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ ผมขอแนะนำให้สเปอร์สเล่นรอบตัดเชือกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด หรือ มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม” @shivamLM
สเปอร์สทะลุเข้ารอบตัดเชือกรายการแข่งขันฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดของโลกได้สำเร็จ โดยบุกไปถล่มสวอนซี ซิตี้ 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้การแข่งขันในรอบรองชนะเลิศจะเตะที่สนามเวมบลีย์ โดยซีซั่นนี้ถือเป็นบ้านชั่วคราวของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
“แน่นอนว่ามันช่วยพวกเราเพราะเราเล่นกันได้ดีที่สนามแห่งนั้น”
“เราเคยเอาชนะทีมใหญ่ ๆ และมีเกมที่ดีมาก ๆ นอกเหนือจากช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลที่อาจจะลำบากนิดหน่อย”
“เกมกับยูเวนตุสไม่สู้ดีนัก แต่เวมบลีย์เหมาะสมกับเรา เรามีฤดูกาลที่ดีในสนามแห่งนี้ เรารู้สึกเหมือนได้เล่นในบ้านจริง ๆ”
ทั้งคู่คือตัวแทนจากพรีเมียร์ ลีกที่เหลือรอดในรายการนี้ พวกเขาต่างเป็นทีมที่เล่นเกมรุกและในการพบกันภายในประเทศก็ยิงกันถล่มทลายถึง 12 ประตูจาก 180 นาที
การจับฉลากมาเจอกันในแชมเปี้ยนส์ ลีกทำให้พวกเขามีโอกาสได้แข่งขันกันอีกครั้งและสำหรับแฟนบอลทั่วไปแล้ว นี่คือเกมที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย
การคุมทีมเชลซีสมัยแรกของโจเซ่ มูรินโญ่ได้สร้างช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมและมักพบกับลิเวอร์พูลบ่อยครั้งในฟุตบอลยุโรปจนกลายเป็นที่จับจ้องของแฟนบอล
เกมมีครบทุกรสชาติทั้งดราม่า,การทำประตูและความขัดแย้ง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีเรื่องราวระหว่างทั้ง 2 ทีมที่ต่างไม่ชื่นชอบซึ่งกันและกันและทำให้เกมเร้าใจมากยิ่งขึ้นไปอีก มันกลายมาเป็นเกมฉบับย่อของการพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและอาร์เซน่อลในช่วงต้นทศวรรษนี้
ทว่าสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกันในปี 2018 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ดูห่างจากลิเวอร์พูลทั้งในเชิงของคะแนนบนตารางและความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะแต่เยอร์เก้น คล็อปป์มีสไตล์การเล่นเกมรุกที่จะกดดันแนวรับของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าได้อย่างมีนัยสำคัญ
มันไม่ได้เป็นเช่นนี้ในตอนที่พวกเขายังคุมทีมในเยอรมัน อย่างไรก็ตามมันรู้สึกได้เลยว่าแนวรับของซิตี้ไม่ได้แข็งแกร่งไร้ที่ติแม้ว่าจะพัฒนาขึ้นมากจากฤดูกาล 2016/17 ก็ตาม
การผ่านเข้ารอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีกจะถือเป็นความสำเร็จของทั้ง 2 สโมสรแม้ว่าซิตี้จะหวังไปไกลถึงนัดชิงชนะเลิศ
แน่นอนว่าลิเวอร์พูลไม่ได้คาดว่าจะมาไกลขนาดนี้แต่หลังจากเป็นทีมเดียวในลีกที่เอาชนะทีมจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีกได้ในฤดูกาลนี้ พวกเขาคงมีความมั่นใจก่อนเกมนัดแรกที่แอนฟิลด์ในวันที่ 4 เมษายน
สำหรับบรรดาทีมอื่นที่ยังเหลือรอดในแชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาก็คงไม่ผิดหวังที่เห็น 2 ทีมจากอังกฤษต้องมาเจอกันเอง แน่นอนว่าจะมีทีมหนึ่งตกรอบและคงไม่มีใครอยากมาเจอแนวรุกของลิเวอร์พูล
ความปราชัยต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดส่งผลกระทบต่อความหวังการจบเป็นรองแชมป์ของลิเวอร์พูล ประกอบกับซิตี้ที่น่าจะคว้าแชมป์ลีกแบบนอนมาทำให้โค้ชของทั้ง 2 ทีมอาจพักนักเตะในลีกเพื่อลุยฟุตบอลยุโรปทั้ง 2 เกม
ลิเวอร์พูลจะเจอกับเอฟเวอร์ตันคั่นกลางเกมยุโรป ขณะที่ซิตี้ต้องต้อนรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เอติฮัด สเตเดี้ยมซึ่งเป็นเกมที่พวกเขาอาจชูถ้วยแชมป์ได้สมใจ
ในทางตรงกันข้าม โมเมนตัมจากเกมลีกอาจมีส่วนช่วยในเกมยุโรปได้ ทั้ง 2 ทีมกำลังเล่นได้ดีและมาพบกันในฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดทำให้มันน่าสนใจอย่างมาก
ทีมจากอังกฤษมักมีปัญหาในฟุตบอลยุโรปตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมาแม้ว่าฤดูกาลนี้จะดูดีมากจนกระทั่งท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์,เชลซีและแมนเชสเตอร์ต่างตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ท็อตแน่มโชคร้ายแต่พวกเขาจะได้ประสบการณ์จากความผิดหวังนั้น ส่วนเชลซีก็เจอลิโอเนล เมสซี่แผลงฤทธิ์และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เพลี้ยงพล้ำต่อเซบีญ่า
เช่นเดียวกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราก็คงคาดหวังว่าทั้ง 3 ทีมจะกลับมาในฤดูกาลหน้าและไปได้ไกลกว่าเดิมสำหรับการแข่งขันรายการนี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูลมีศักยภาพที่จะแสดงให้เห็นถึงความน่าดูชมของพรีเมียร์ ลีก การเล่นเกมรุกแบบดุดันของทั้ง 2 ทีมไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเห็นได้บ่อยในแชมเปี้ยนส์ ลีกที่เต็มไปด้วยแท็คติค
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการพบกันของ 2 ทีมจากชาติเดียวกันถึงน่าตื่นเต้น ความแตกต่างเรื่องแท็คติคสำหรับฟุตบอลยุโรปไม่ต้องพูดถึง ความเป็นกังวลเรื่องประตูทีมเยือนอาจไม่ได้มีบทบาทเพราะทั้ง 2 ทีมจะรู้สึกว่าเหมือนเล่นเกมภายในประเทศ
นั่นอาจเป็นแนวทางที่ง่ายสำหรับการมองสิ่งต่างๆแต่การพบกันของพวกเขาดูเหมือนเกมพรีเมียร์ ลีกมากกว่าการเจอกันในฟุตบอลยุโรป
สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
โคล้ด ปูแอล กุนซือเลสเตอร์ พาทีมเข้ารอบนี้ หลังเบียดชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 ก่อนถล่มเวสต์บรอมวิช 4-1 ในเกมลีกล่าสุด ทำให้ไม่แพ้มา 4 เกมแล้ว
สภาพทีมเกมนี้ ปูแอลยังไม่มี แดเนียล อามาร์ตีย์ ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่าเหมือนเดิม ส่วนแกนหลักรายอื่นๆ พร้อมช่วยทีมทั้งหมด
อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์เชลซี พาทีมเข้ารอบนี้ หลังถล่มฮัลล์ ซิตี้ 4-0 ก่อนแพ้ บาร์เซโลน่า 0-3 ในเกมยุโรปล่าสุด เป็นการแพ้นัดที่ 3 ในรอบ 5 เกม
สภาพทีมเกมนี้ คอนเต้ยังไม่มี ดาวิด ลุยซ์ (เข่า) และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ (เอ็นหลังหัวเข่า) ยังชวดเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีผลอะไร เพราะเป็นแค่สำรองอยู่แล้ว
นอกจากนั้นไม่มีปัญหาอะไรเพิ่ม แต่อาจมีการปรับทัพพอสมควร เพื่อเปิดโอกาสให้พวกแข้งสำรองบางรายได้ลงโชว์ฝีเท้าบ้างเหมือนในรอบที่ผ่านมา
นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เลสเตอร์ (4-4-1-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – แดนนี่ ซิมพ์สัน, เวส มอร์แกน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, เบน ชิลล์เวลล์ – เดมาไร เกรย์, บิเซนเต้ อิบอร์ร่า, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ริยาด
มาห์เรซ – ชินจิ โอกาซากิ – เจมี่ วาร์ดี้
ผู้จัดการทีม : โคล้ด ปูแอล
เชลซี (3-4-2-1) : วิลลี่ กาบาเยโร่ – อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, แกรี่ เคฮิลล์ – ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์, เชส ฟาเบรกาส, เอเมอร์สัน
พัลมิเอรี่ – วิลเลี่ยน, เปโดร โรดริเกซ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
ผู้จัดการทีม : อันโตนิโอ คอนเต้
ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน
เกร็ดก่อนเกม
– 3 ครั้งหลังสุดที่เจอกันในเอฟเอ คัพ เชลซีเอาชนะเลสเตอร์ได้หมด และเดินหน้าต่อจนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ (1997, 2000 และ 2012)
– มีประตูรวม 2.5 ประตูขึ้นใน 9 นัดหลังสุดที่เลสเตอร์เล่นในบ้านพบเชลซี
– เลสเตอร์ ในเอฟเอ คัพ 3 นัดติดต่อกัน
– มีประตูรวมต่ำกว่า 2.5 ประตูใน 5 จาก 6 นัดหลังสุดของเลสเตอร์ในเอฟเอ คัพ
– เชลซียิงได้อย่างน้อย 2 ประตูใน 6 จาก 7 นัดหลังสุดที่มาเยือนเลสเตอร์จากทุกรายการ
– เลสเตอร์ไม่แพ้ใครในบ้านนับตั้งแต่ขึ้นปี 2018 เป็นต้นมา
– เชลซีไม่แพ้เลสเตอร์ ซิตี้ ใน 6 นัดหลังสุดจากทุกรายการ
ที่มา : [Siamsport]
มิดฟลิด์ทีมชาติเยอรมนีลงสนามเป็นตัวจริงในเกมที่ “หงส์แดง” เปิดบ้านไล่ตบวัตฟอร์ด 5-0 จากการเหมายิง 4 ประตูของโม ซาลาห์ และอีกลูกของโรแบร์โต้ ฟิร์เมียโน่
อย่างไรก็ตามเขาอยู่ในสนามได้เพียง 27 นาทีก่อนเดินย่องกุมหลังเข้าห้องแต่งตัว และเป็นเจมส์ มิลเนอร์ลงไปแทน
หลังเกมคล็อปป์ออกมาพูดถึงอาการของลูกทีมว่า “เขาเจ็บที่หลัง เขาไม่คิด และผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นอาการที่หนักอะไร แต่มันจะหยักแน่ถ้าฝืนเล่นต่อ”
“เขามีปัญหานี้มาเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราอนุญาตให้เขาพักพิเศษ 1 วันเพื่อได้ฟื้นตัว แต่เขาคิดว่ามันจะเวิร์คเลยซ้อมตามปกติเมื่อวานนี้”
“มันเกิดขึ้นจากจังหวะโหม่งและอาจจะเพราะอุณหภูมิในกล้ามเนื้อ มันเป็นเรื่ องของกล้ามเนื้่อนั่นแหละ แต่มันไม่ควรที่จะร้ายแรงอะไรและเขาจะไปอยู่และรักษากับทีมชาติ(เยอรมนี)ด้วยนะคิดว่า โปรแกรมเตะของพวกเขาไม่ใช่พรุ่งนี้ เดี๋ยวเราก็ทราบอาการเพิ่มเติม แต่มันไม่ควรจะเป็นปัญหาอะไร”
เกมนี้อดัม ลัลลาน่า ไม่มีชื่อในทีม ซึ่งคล็อปป์เผยว่า “ถ้าวันนี้เป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาลอดัมน่าจะได้ลงสนาม”
“แต่มันไม่ใช่ไง เพราะงั้นเราเลยให้เขาพักเพื่อให้ฟิตยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องมานั่งข้างสนามหรือลงเป็นตัวจริง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะพอใจหรอก”
“ผมคุยกับแกเร็ธ เซาธ์เกตและตัวอดัมเอง ว่าชัดเจนที่อดัมต้องฟิต 100 เปอร์เซนต์ในแคมป์ทีมชาติ” เขากล่าว
101 เกรทโกลส์ สื่อวงการฟุตบอล เปิดเผยภาพที่อ้างว่าเป็นชุดเยือนตัวใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สำหรับการลงเล่นในฤดูกาลหน้า โดยที่เน้นสีชมพูแทบทั้งชุด
สำหรับตราสโมสรและโลโก้ของ อาดิสดาส นั้น จะใช้สีดำเพื่อให้มันดูโดดเด่นเป็นสง่า ขณะที่ตรงไหล่ก็มีการใส่เส้นสีดำเข้าไปด้วย ส่วนสปอนเซอร์ตรงหน้าอกเสื้อก็ยังเป็นตรา เชฟโรเล็ต สีทองอร่ามเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ภาพที่ 101 เกรทโกลส์ เอามาเผยแพร่ในครั้งนี้มันคล้ายคลึงกับที่ ฟุตตี้ เฮดไลน์ส เว็บไซต์ข่าวสารเรื่องผลิตภัณฑ์ของวงการฟุตบอลเอามาโชว์เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพียงแต่ภาพชุดล่าสุดของ 101 เกรทโกลส์ มันดูใช้สีชมพูที่ไม่เข้มเท่าอันของ ฟุตตี้ เฮดไลน์ส
กูร์กตัวส์ จะหมดสัญญากับทีมหลังจบฤดูกาลหน้า และจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีการต่อสัญญากันเลย ทำให้อนาคตของเขาเป็นที่พูดถึงอย่างหนัก ขณะที่ เรอัล ก็กำลังต้องการนายด่านฝีมือดีไปร่วมทัพเพื่อทำให้ทีมแกร่งขึ้น หลังจากฤดูกาลนี้ “ราชันชุดขาว” ฟอร์มไม่ดีเท่าไหร่ในลีกทั้งที่ซีซั่นก่อนคว้าแชมป์ลีกมาครองได้
มือกาวชาวเบลเยียมให้สัมภาษณ์กับ ลอนดอน อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด สื่อท้องถิ่นของเมืองผู้ดีว่า “ผมมุ่งมั่นกับการเล่นให้ เชลซี ผมมีสัญญากับทีมจนถึงปีหน้า และจะอยู่ที่นี่ต่อไป ผมจะทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อมัน (สัญญาฉบับใหม่) จริงอยู่ว่าตอนนี้มันยังไม่มีการต่อสัญญากัน แต่ผมไม่คิดว่าตอนนี้มันเป็นเวลาที่ดีที่จะทำเรื่องนั้น (เซ็นสัญญาฉบับใหม่) ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีกว่าที่จะรอจนกว่าจะจบฤดูกาลนี้ สิ่งเดียวที่ผมพูดได้ก็คือผมมุ่งมั่นกับการเล่นให้ เชลซี และฤดูกาลหน้าผมก็จะยังมุ่งมั่นกับการเล่นให้ทีมเหมือนเดิม”
“ผมไม่มีอะไรที่จะพูดนอกเหนือไปจากนี้ มันเป็นเรื่องง่ายที่คนอื่นๆ จะพูดบางอย่างเมื่อคุณเหลือสัญญาแค่ 1 ปี ซึ่งผมก็หงุดหงิดกับเรื่องนี้นิดๆ เพราะมันกลายเป็นประเด็นที่คนพูดถึงกัน และผู้คนก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ควรให้ความสำคัญในตอนนี้คือการเก็บชัยชนะในลีกให้ได้เพื่อที่จะติดท็อปโฟร์, กลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า และผ่านเข้ารอบต่อไปใน เอฟเอ คัพ ให้ได้ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้ทั้งในฐานะกลุ่ม และในฐานะตัวผมเอง” กูร์กตัวส์ ระบุ