จูเซ็ปเป้ มาร็อตต้า ผู้จัดการทั่วไปของยูเวนตุส คอนเฟิร์ม เอ็มเร ชาน คือเป้าหมายเสริมทัพเบอร์หนึ่งของทีมในช่วงซัมเมอร์นี้
กองกลางทีมชาติเยอรมันเหลือสัญญากับลิเวอร์พูลถึงแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้ นั่นหมายความว่าเขาสามารถเจรจากับสโมสรอื่นได้อย่างอิสระ
อย่างไรก็ดี ดาวเตะหงส์แดงกลับปิดโอกาสพูดคุยกับสโมสรอื่นในเวลานี้ เพราะเขาต้องการโฟกัสผลงานในสนามจนจบฤดูกาลก่อน
“เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเรากำลังสนใจ เอ็มเร ชาน ซึ่งเขาจะเป็นคนให้คำตอบแก่เรา” มาร็อตต้า กล่าวผ่าน ANSA
“เขาจะเป็นเป้าหมายแรกหากเขาแสดงความสนใจออกมา”
“ไม่อย่างนั้นเราจะต้องย้ายไปหาเป้าหมายอื่น”
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางจอมขยันของลิเวอร์พูล เผย เขาเซ็นข้อความบนลูกบอลของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ว่า “เก่งมาก ซูเปอร์สตาร์”
ปีกทีมชาติอียิปต์ระเบิดฟอร์มฮ็อตทำ 4 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ นำหงส์แดงเปิดบ้านถล่มวัตฟอร์ดขาดลอย 5-0 แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ลืมนำบอลไปให้เพื่อนร่วมทีมเซ็นเก็บไว้เป็นที่ระลึกตามธรรมเนียมของผู้เล่นที่ทำแฮททริคได้
“ทุกคนเซ็นบนลูกบอลเพื่อเขา” เฮนโด้ เผยผ่าน Liverpool Echo
“ผมเขียนคำง่ายๆให้กับเขา ผมบอกว่า ‘เก่งมาก ซูเปอร์สตาร์’ “
4 ประตูในเกมนี้ส่งให้ซาลาห์แซง แฮร์รีค เคน ขึ้นไปนำเป็นดาวซัลโวเดี่ยวของพรีเมียร์ลีกทันที ด้วยผลงาน 28 ประตู
อันเดรส อิเนียสต้า กองกลางจอมเก๋า วัย 33 ปี เผยว่าเขาจะให้คำตอบกับทีมในวันสิ้นเดือนเมษายน ขณะที่รายงานระบุว่าเขาได้รับค่าเหนื่อยก้อนโตจากทีมในลีกจีน
ในศึกลาลีก้าเมื่อคืนที่ผ่านมา บาร์เซโลน่าเอาชนะแอธเลติก บิลเบา 2-0 อิเนียสต้า ลงสนามในฐานะตัวสำรอง เขาได้รับเสียงเชียร์ในสนามคัมป์ นู อย่างมาก โดยแฟนบอลต่างร้องเพลงเชียร์เพื่อเร้าให้เขาอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า พวกเขาทิ้งห่างแอตเลติโก้ 11 คะแนน ขณะที่ในแชมเปี้ยนส์ ลีก กับ โกปา เดล เรย์ ยังมีลุ้นในฐานะตัวเต็ง ทำให้เริ่มมีการพูดว่าพวกเขาจะคว้าสามแชมป์ในฤดูกาลนี้
“ตอนนี้ที่เราทำได้คือรอดูการตัดสินใจของเขา”
“จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย คุณจะตีตนไปก่อนไข้ไม่ได้ เรารู้ว่าเขาทำอะไรได้ และเราทุกคนอยากจะมีเขาอยู่ในทีมตลอดไป”
“ผมไม่กลัวหรอกที่คนจะเริ่มคาดหวังให้เราเป็นเทรเบิลแชมป์”
“พวกเขาอาจจะพูดว่าเรามีโอกาสทำได้ แต่มันอย่างห่างไกล” บัลเบร์เด้ กล่าว
สนาม : เอสตาดิโอ เด ลา เซรามิก้า
“เรือดำน้ำ” ออกสตาร์ตด้วยการให้ ดานี่ ราบา ประสานงานผลิตสกอร์กับ การ์ลอส บักก้า ฝั่ง “ตราหมี” จัดหนักวาง ดีเอโก้ คอสต้า ลงเล่นเป็นคู่หน้ากับ อองตวน กรีซมันน์ โดยมี ซาอูล ญีเกซ คุมเกมกลางสนาม
ออกสตาร์ตไปได้ 18 นาที แอต.มาดริด มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ เยาเม่ กอสต้า แซะ อองตวน กรีซมันน์ จากด้านหลัง แล้วก็เป็น กรีซมันน์ ที่ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารเอง ซัดเข้าไปทางขวาไร้ปัญหา ทีมเยือนนำ 1-0
หลังจากนั้นนาทีที่ 23 ทีมเยือนได้กดดันต่อเนื่อง ซิเม่ เวอร์ซาลจ์โก้ เปิดบอลจากทางขวาเข้ามาที่เสาแรกในเขตโทษ โกเก้ ซัดด้วยขวา บอลพุ่งไปชนโคนเสา พลาดได้ประตูที่สองอย่างน่าเสียดาย
ท้ายครึ่งแรก เจ้าบ้านมาได้ฟรีคิกเยื้องทางซ้าย โรเบร์โต้ โซเรียโน่ ปั่นด้วยขวา แต่บอลติดกำแพง ครบ 45 นาทีแรก บียาร์เรอัล ตามหลัง แอต.มาดริด 0-1
กลับมาเตะกันได้ 2 นาที บียาร์เรอัล เปิดฉากโจมตีก่อน มาริโอ กาสปาร์ เติมเกมสูง มารับบอลทางขวาหน้าเขตโทษ ตั้งป้อมซัดจากระยะ 25 หลา แต่บอลกระดอนพื้นไปเข้าซอง ยาน โอบลัค รับไว้ได้
ผ่านมาถึงนาทีที่ 60 บียาร์เรอัล ได้ลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่บอลขลุกขลิกหน้าเขตโทษ มานูเอล ตรีเกรอส สอดมาเก็บตกซัดด้วยซ้าย แต่บอลหลุดโคนเสาแรกออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
อีก 10 นาทีต่อมา ทีมเยือนพลาดได้ประตูอย่างไม่น่าเชื่อ ดีเอโก้ คอสต้า ลากบอลโต้มาทางขวา จ่ายกลับเข้ากลางให้ อังเคล กอร์เรอา ปาดออกซ้ายต่อให้ อองตวน กรีซมันน์ ซัดด้วยขวาโล่งๆ แต่บอลไต่หลังเท้าข้ามคาน
จนแล้วจนรอด นาที 82 บียาร์เรอัล ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ อัลบาโร่ กอนซาเลซ เปิดบอลจากทางขวานอกเขตโทษเข้าไปให้ เอเนส อูนาล โขกตามน้ำให้บอลเช็ดตาข่ายทางเสาสองเข้าประตูไป
ช่วงทดเจ็บ บียาร์เรอัล มาได้ประตูชัย ดานิเอเล่ โบเนร่า กึ่งยิงกึ่งผานจากทางซ้ายเข้าไปในเขตโทษ บอลเข้าทาง เอเนส อูนาล คนเดิม ยิงจ่อๆเข้าประตูไป เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากนั้น บีโตโล่ ยังมาโดนไล่ออกจาสนามจากสนาม ทำให้ แอต.มาดริด ที่เหลือ 10 ตัว พลิกพ่ายให้กับ บียาร์เรอัล 1-2 ส่งผลให้ “ตราหมี” ตามหลังจ่าฝูง บาร์เซโลน่า ถึง 11 แต้มแล้ว
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บียาร์เรอัล : เซร์คิโอ อาเซนโฆ – มาริโอ กาสปาร์, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, ดานิเอเล่ โบเนร่า, เยาเม่ กอสต้า – มานูเอล ตรีเกรอส, โรดรี้ เอร์นานเดซ, โรเบร์โต้ โซเรียโน่ – ปาโบล ฟอร์นัลส์ – ดานี่ ราบา, การ์ลอส บักก้า
สำรอง : บิคตอร์ รูอิซ, ซามู กาสตีเยโฆ่, เอเนส อูนาล, นิโกล่า ซานโซเน่, ฆาบี ฟวยโก้, อันโตนิโอ รูคาวินา, มาเรียโน่ บาร์โบซ่า
แอต.มาดริด : ยาน โอบลัค – ซิเม่ เวอร์ซาลจ์โก้, โฮเซ่ คิมิเนซ, ดีเอโก้ โกดิน, ลูกัส เอร์นานเดซ – อังเคล กอร์เรอา, ซาอูล ญีเกซ, โตมัส ปาร์เตย์, โกเก้ – ดีเอโก้ คอสต้า, อองตวน กรีซมันน์
สำรอง : เฟร์นานโด ตอร์เรส, กาบี เฟร์นานเดซ, สเตฟาน ซาวิช, เควิน กาเมโรน่, อักเซล เวร์เนอร์, เซร์จี้ กอนซาเลซ, บีโตโล่
ผู้ตัดสิน : ดาบิด เฟร์นานเดซ
สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว (มาดริด)
แชมป์เก่า เรอัล มาดริด เกมที่แล้วบุกไปคว่ำ เออิบาร์ มาได้ 2-1 แมตช์นี้แนวรุกวาง คาริม เบนเซม่า และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นคู่หูล่าประตูโดยไร้ชื่อ แซร์คิโอ รามอส ในเกมนี้ ส่วนทีมเยือนไม่ธรรมดาซิวชัยมา 3 เกมติดต่อกันแล้ว แนวรุกยังใช้บริการ กริสเตียน สตูอานี่ เช่นเดิม
เปิดฉากครึ่งแรกมาได้แค่ 5 นาที “ราชันชุดขาว” หวิดได้ขึ้นนำไปก่อน เมื่อ โรนัลโด้ ตะบันฟรีคิกระยะ 20 หลาบอลพุ่งแรงแต่ไม่ไกลตัว นายด่านคีโรน่าปัดออกหลังไปได้
แต่หลังจากนั้น นาที 11 โรนัลโด้ มาพังประตูให้ เรอัล มาดริด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะเล่นเร็วที่มุมธงบอลกลับมาที่ โทนี่ โครส เปิดมาหน้าปากประตูให้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกสซัดเข้าไปไม่พลาด เป็นประตูที่ 19 ในซีซั่น และยิงต่อเนื่องกันเป็นเกมที่ 8 แล้ว
นาที 15 คีโรน่ ได้ลุ้นตีเจ๊าบ้าง จังหวะขึ้นทางด้านซ้ายของ โมฆิก้า บอลครอสยาวมาเสาสองให้ ปอร์ตู เทกตัวขึ้นโขกบอลเฉียดเสาสองไปแบบได้เสียวทันที
เกมผ่านมาครึ่งชั่วโมง คิโรน่า ไล่ตีเสมอเจ้าถิ่น 1-1 ได้สำเร็จ จากฟรีคิกทางด้านมุมธงฝั่งซ้าย อเล็กซ์ กราเนลล์ กัปตันทีมหยอดมาจุดนัดพบให้ กริสเตียน สตูอานี่ วิ่งมาโขกเข้าไปไม่เหลือ หมดสิทธิ์ที่ นาวาส จะป้องกัน
ลูกทีมของ ซีดาน หลังโดนไล่ตีเจ๊าก็โหมบุกหนักต่อเนื่อง นาที 32 โรนัลโด้ ได้ซัดนอกกรอบเต็มแรงแต่บอลก็พุ่งเข้าซอง โบโน่ จากนั้นอีก 3 นาทีถัดมา อเซนซิโอ้ ปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายบอลโค้งข้ามกำแพงจะเข้าอยุ่แล้วแต่ โบโน่ ก็ยังเหนียวพุ่งปัดออกไปอีกหน
จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด ยังเสมอกับ คิโรน่า 1-1
ครึ่งหลังเริ่มมาได้แค่สองนาที เรอัล มาดริด ชิงขึ้นนำ 2-1 อีกหน จากการต่อบอลอันสุดสวยของทัพ “ชุดขาว” ก่อนที่ เบนเซม่า จะแทงทะลุช่องให้ โรนัลโด้ หลุดเข้าไปยิงแสกหน้าเช็ดคานเข้าไปอย่างเด็ดขาด เป็นประตูที่สองของ CR7 ในเกมนี้และประตูที่ 20 ในลา ลีกา
เกมรุกของ “ชุดขาว” ยังจัดจ้านขึงเกมรุกอยู่หมัด นาที 59 ฉีกนำห่างเป็น 3-1 บอลเริ่มจาก มาร์เชโล่ หลังทะลุให้ เบนเซม่า เกือบสุดเส้นหลังก่อนปาดเข้ากลางประตูให้ โรนัลโด้ ไหลนิ่มๆต่อให้ ลูคัส บาสเกซ วิ่งมาซัดด้วยขวาเบียดเสาแรกเข้าไป
ลูกทีมของ ซีดาน ยังดาหน้ารุกใส่อย่างเมามันและมาได้ประตูฉีกห่างเป็น 4-1 ไปอีก นาที 65 จากจังหวะที่ เบนเซม่า ยิงไปติดเซฟของ โบโน่ แต่บอลมาเข้าทาง โรนัลโด้ ตามซ้ำเข้าไปไม่เหลือ เป็นแฮตทริกของดาวยิงวัย 33 ปีรายนี้
แต่อีก 3 นาทีต่อมา คีโรน่า ก็ฮึดเช่นกันได้ประตูไล่มาเป็น 2-4 บอร์ฆา การ์เซียเปิดบอลมาเข้าหัว สตูอานี่ ที่เอาชนะการ์บาฆาลเทกขึ้นโขกบอลสวนทาง นาวาส เข้าไป
ท้ายเกม นาที 86 เจ้าถิ่นมาได้ประตูเพิ่มเป็น 5-2 จากการประสานงานของสองตัวสำรอง ลูก้า โมดริด จ่ายบอลทะลุให้ แกเร็ธ เบล หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิง
ทว่าแค่ไม่ถึงสองนาทีต่อมา คิโรน่า ไล่มาเป็น 3-5 อเล็กซ์ กราเนลล์ จอมทัพเปิดเตะมุมมาเข้าหัว ฆวนเป้ รามิเรซ แนวรับทีมเยือนโขกบอลซุกก้นตาข่ายเข้าไป
เกมทำท่าจะจบแค่นี้แต่ โรนัลโด้ มาแผลงฤทธิ์ซัดปิดท้ายในช่วงทดเจ็บ ให้ทีมนำโด่ง 6-3 แถมเป็นประตูที่ 4 ในเกมนี้ จบเกม เรอัล มาดริด ไล่ถล่มคิโรน่าไปอย่างสุดมัน 6-3 เก็บสามแต้มเต็มพร้อมยึดที่ 3 เหมือนเดิม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด (4-4-2) : เกย์ลอร์ นาวาส-ดานี่ การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, นาโช่, มาร์เซโล่-ลูกัส บาสเกซ, มัตเตโอ โควาซิช, โทนี่ โครส, มาร์โก อาเซนซิโอ – คาริม เบนเซม่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
คิโรน่า (3-4-2-1) : ยาสซีน โบโน่ – ปาโบล มาฟเฟโอ, เบร์นาโด้ เอสปิโนซ่า, ฆวนเป้ รามิเรซ, โชนาส รามัลโญ่, โยอัน โมฆิก้า – เปเร่ ปอนส์, อเล็กซ์ กราเนลล์, บอร์ฆา การ์เซีย – กริสเตียน ‘‘ปอร์ตู”,กริสเตียน สตูอานี่
กระทั่ง ลุค ชอว์ ถูกเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่งของศึกเอฟเอ คัพ เมื่อวันเสาร์ที่ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดโอลด์แทรฟฟอร์ด ทุบ ไบรท์ตัน 2-0
หลังจบเกม กุนซือเดอะสเปเชียลวันอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ ให้สัมภาษณ์ว่า “ในครึ่งแรกไบรท์ตันได้โยนทุกครั้งที่บุกไปทางลุค ชอว์ นำมาสู่ในจังหวะอันตราย”
“ผมนั้นไม่พอใจกับฟอร์มการเล่นของเขา”
ล่าสุด สำนักข่าว บีบีซี โดย ไซม่อน สโตน ระบุว่าลุค ชอว์ รู้สึกผิดหวังกับคำวิจารณ์อย่างต่อเนื่องจากโจเซ่ มูรินโญ่ นั่นทำเขาได้จบซีซั่นนี้ จนทำให้ ลุค ชอว์ เตรียมอำลาทีม
และมีแนวโน้มที่สโมสรจะยอมขายเขา นอกเสียจาก โจเซ่ มูรินโญ่ จะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเจ้าตัว
สนาม : คัมป์ นู
บาร์เซโลน่า ส่งให้ ปาโก้ อัลกาเซร์ ออกสตาร์ตในแดนหน้าแทนที่ของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ติดโทษแบน แดนกลางให้ เปาลินโญ่ เดินเกมกับ อิวาน ราคิติช และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ด้าน แอธ.บิลเบา ใส่ชื่อของ อาริตซ์ อาดูริซ เป็นเพียงสำรองเท่านั้น โดยให้ เซบิน เมริโน่ ออสตาร์ตในแดนหน้าแทน
ออกสตาร์ตไปได้เพียง 8 นาที บาร์เซโลน่า ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ จอร์ดี้ อัลบา ได้บอลทางซ้ายสุดเส้นหลังในเขตโทษผู้มาเยือน แล้วจ่ายหักกกลับมากลางเขตโทษให้ ปาโก้ อัลกาเซร์ แปด้วยขวา ส่งบอลเสียบโคนเสาสองเข้าประตูไป
หลังจากนั้นนาทีที่ 14 เจ้าบ้านเกือบจะได้ประตูที่สอง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ สอดเข้าไปทางขวาของเขตโทษ ได้ซัดแบบโล่งๆ แต่บอลชนคาน
เลยมาถึงนาทีที 30 บาร์ซ่า ขยับสกอร์ไป 2-0 สำเร็จ อุสมาน เดมเบเล่ จ่ายบอลจากทางขวานอกเขตโทษมาบริเวณหัวกะโหลก ลิโอเนล เมสซี่ จับแล้วซัดด้วยซ้าย ส่งบอลเบียดโคนเสาสองเข้าประตูไปอย่างสุดเนี้ยบ
อีก 4 นาทีให้หลัง เจ้าบ้านยังกดดันต่อเนื่อง เมสซี่ ยกบอลเข้าไปทางซ้ายของดขตโทษให้ คูตินโญ่ สอดไปสะกิดบอลข้ามตัว เกป้า ไปแล้ว แต่น้ำหนักเกิน บอลหลุดข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วงท้ายครึ่งแรก บาร์เซโลน่า เกือบจะได้อีกประตู อุสมาน เดมเบเล่ พาบอลลากจี้เข้าหากองหลังเขตโทษ แล้วจ่ายมาบริเวณหัวกะโหลกให้ เปาลินโญ่ วิ่งเข้ามาซัดด้วยขวา บอลพุ่งไปชนเสาอย่างจัง ไม่ได้ประตู ครบ 45 นาทีแรก บาร์เซโลน่า ทะยานนำ แอธ.บิลเบา อยู่เบาๆ 2-0
กลับมาเตะครึ่งหลังได้ไม่ถึงนาที บิลเบา กดดันก่อนเลย ยาโก้ ลูเก้ ได้บอลหน้าเขตโทษ แล้วตะบันด้วยขวา แต่บอลเฉี่ยวโคนเสาแรกออกหลังไป
เลยมาถึงนาทีที่ 56 บาร์ซ่า มาได้ฟรีคิกจากะยะ 25 หลาหน้าปากประตูพอดี ลิโอเนล เมสซี่ ซัดด้วยซ้าย แต่บอลติดกำแพง
หลังจากนั้นเกมลดดีกรีความร้อนแรงลงไป กว่าจะได้ลุ้นอีกทีต้องรอจนนาทีที่ 75 บิลเบา เปิดบอลจากขวาเข้ากลางเขตโทษให้ อาริตซ์ อาดูริซ ที่เพิ่งลงสนามมาโขก บอลไปโดนไหล่ หลุดกรอบออกหลังไป
ช่วงท้ายเกม บิลเบา เกือบจะได้ประตู อาริตซ์ อาดูริซ ได้บอลบริเวณหัวกะโหลก แล้วพลิกชิพบอลแต่น้ำหนักเบาเข้ามือ ชเตเก้น ครบ 90 นาที บาร์เซโลน่า เชือด แอธเลติก บิลเบา นิ่มๆ 2-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาร์เซโลน่า : มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น – เซร์จี้ โรเบร์โต้, ซามูแอล อุมติตี้, เคราร์ด ปีเก้, จอร์ดี้ อัลบา – อุสมาน เดมเบเล่ (อันเดรส อีเนียสต้า น.64), อิวาน ราคิติช, เปาลินโญ่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (อันเดร โกเมส น.85)- ลิโอเนล เมสซี่, ปาโก้ อัลกาเซร์ (อเล็กซ์ บีดาล น.74)
สำรองไม่ได้ใช้ : ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น, เยร์รี่ มีน่า, การ์เลส อเลนญ่า, ลูก้าส์ ดีญ
ใบเหลือง : อุมติตี้ น.17, เดมเบเล่ น.39
แอธ.บิลเบา : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า – อินญิโก้ ลูเก้, อูไน นูนเญซ, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เอนริช ซาโบริต – เบนญาต เอเชบาร์เรีย (อันเดร์ อิตูร์ราสเป้ น.46), มิเกล ซาน โฆเซ่ – ออสการ์ เด มาร์กอส, ราอูล การ์เซีย, มาร์เกล ซูซาเอต้า (อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ น.63)- เซบิน เมริโน่ (อาริตซ์ อาดูริซ น.71)
สำรองไม่ได้ใช้ : ยาโก้ เอร์เรริน, ชาบี เอ็ตเชยต้า, มิเกล เวสก้า, อินญิโก้ กอร์โดบา
ใบเหลือง : การ์เซีย น.31, ลูเก้ น.40
ผู้ตัดสิน : ซานติอาโก้ ไฮเม่
กระทั่ง ในศึกเอฟเอ คัพ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผ่านไบรจ์ตัน เข้ามาถึงรอบตัดเชือก จะเจอทีมจากลอนดอนอย่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศในรายการนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว
ดูจากที่ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ถูกจับมาในฐานะทีมเยือนหมายถึงพวกเขาเตรียมจะได้ใช้ห้องแต่งตัวในสนามเวมบลีย์ เป็นทีมเยือนบ้าง หลังซีซั่นนี้ พวกเขาได้เช่าสนามเวมบลีย์ เป็นรังเหย้าชั่วคราว
ส่วนทาง “สิงห์บูล”เชลซี ที่ต่อเวลาเฉือนเอา “จิ้งจอกสยาม” ชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ก็จะเจอกับ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ที่เพิ่งแต่งตั้งมาร์ค ฮิวจ์ส มาคุมทีมนัดแรกเอาชนะวีแกนผ่านเข้ารอบสำเร็จ
จนกระทั่ง สำหรับเกมรอบรองชนะเลิศจะลงสนามเตะกันที่เวมบลีย์ ในวันที่ 21-22 เมษายน
ผลการประกบคู่รอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ “สิงห์บูล” เชลซี พบ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน
สนาม : เร้ดบูลล์ อารีน่า
ราล์ฟ ฮาเซ่นฮึทเทิ่ล เทรนเนอร์ของ แอร์เบ ไลป์ซิก หมุนเวียนนักเตะพอสมควร โดย คอนราด ไลเมอร์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, มาร์เซล ซายบิตเซอร์ และ ยุสซุฟ โพลเซ่น ลงตัวจริง ฟาก “เสือใต้” ของเทรนเนอร์ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส มีการปรับทัพหลายจุด
เช่นกัน หน้าเป้าใช้ ซานโดร ว้ากเนอร์ ลงตัวจริง โดยมี โธมัส มุลเลอร์ กับ ฆวน เบร์นาต ขึ้นเกมริมเส้นขนาบข้าง แดนกลางได้ ฮาเมส โรดรีเกซ ฟิตกลับมาปั้นเกมร่วมกับ อาร์ตูโร่ วีดาล
เริ่มเกมแค่ 10 นาที เจ้าบ้านเจอข่าวร้ายเมื่อ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ บาดเจ็บจนเล่นต่อไปไม่ไหว ต้องปรับส่ง ทิโม แวร์เนอร์ ลงเล่นแทน
อีก 2 นาทีต่อมาแฟนบอลเจ้าบ้านเซ็งกันทั้งสนาม โธมัส มุลเลอร์ ไหลบอลให้ ฮาเมส โรดรีเกซ สปีดขึ้นมารับบอลแล้วโยกหาจังหวะเปิดบอลเข้าเขตโทษ ซานโดร ว้ากเนอร์ โฉบมาโหม่งกดลงพื้นเสียบมุมเด็ดขาด บาเยิร์น บุกนำ 1-0
เจ้าบ้านพยายามตั้งเกมบุกสู้ คอนราด ไลเมอร์ เติมเกมบุกขึ้นมาแล้วโยนบอลไปให้ ทิโม แวร์เนอร์ โฉบมาโขกเล่นทางติดเซฟ สเวน อูลไรช์ ล้มตัวรับเอาไว้ได้
โอกาสต่อเนื่องอีกครั้งของเจ้าบ้านจากลูกเตะมุม เควิน คัมเพิ่ล เปิดบอลโค้งมาจุดนัดพบ อิบราฮิม่า โกนาเต้ สลัดหนีตัวประกบมาโหม่งบอลหลุดกรอบนิดเดียว
เจ้าบ้านโหมบุกหนักจนมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 คอนราด ไลเมอร์ จ่ายบอลเข้าเขตโทษ นาบี เกอิต้า
สอดมารับบอลจ่ายต่อให้ ทิโม แวร์เนอร์ ยิงไปติดบล็อกกระเด้งออกมาเข้าทาง นาบี เกอิต้า ยิงซ้ำเสียบตาข่ายเด็ดขาด จบครึ่งแรก แอร์เบ ไลป์ซิก
เสมอกับ บาเยิร์น มิวนิค 1-1
เข้าสู่ครึ่งหลังเป็นรองแชมป์เก่าทำได้ดีกว่า เควิน คัมเพิ่ล ไหลบอลให้ บรูม่า กระชากต่อไปกดด้วยขวาหลุดออกหลังไม่เยอะ
นาที 56 แฟนบอลเจ้าบ้านเฮกันลั่นสนามเมื่อ แอร์เบ ไลป์ซิก พลิกแซงนำ 2-1 นาบี เกอิต้า แทงบอลหลุดกับดักล้ำหน้าให้ ทิโม แวร์เนอร์ ควบเอาบอลเข้าเขตโทษแล้วกดเรียดเสียบเสาไกลเด็ดขาด
หลังถูกพลิกแซงนำแชมป์เก่าพยายามเร่งเครื่องบุก ฮาเมส โรดรีเกซ บรรจงเปิดลูกฟรีคิกเข้าเขตโทษ นิคลาส ซือเล่ โฉบมาโขกบอลหลุกรอบนิดเดียว
บาเยิร์น มิวนิค บุกกดดันต่อเนื่อง โยชัว คิมมิช เติมเกมบุกขึ้นมาโยนบอลไปให้ อาร์ตูโร่ วีดาล สอดขึ้นมาโหม่งบอลระยะหกหลาหลุกกรอบน่าเสียดาย
ช่วงเวลาที่เหลือ เสือใต้ ยังบุกหนักแต่จนแล้วจนรอดไม่สามารถทวงประตูคืนได้ จบเกม แอร์เบ ไลป์ซิก เปิดบ้านเก็บสามแต้มด้วยการเฉือนชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-1
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แอร์เบ ไลป์ซิก : เพเตอร์ กูลาชซี่, สเตฟาน อิลซานเคอร์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, คอนราด ไลเมอร์, นาบี เกอิต้า (เอมิล ฟอร์สเบิร์ก น.68), ดีเอโก้ เดมเม่, มาร์เซล ซาบิตเซอร์ (ทิโม แวร์เนอร์ น.10, ฌอง-เควิน โอกุสแต็ง น.83)),
บรูม่า, เควิน คัมเพิ่ล, ยุสซุฟ โพลเซ่น
บาเยิร์น มิวนิค : สเวน อูลไรช์, โยชัว คิมมิช (ราฟินญ่า น.78), นิคลาส ซือเล่, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, ดาวิด อลาบา, เซบาสเตียน รูดี้, ฮาเมส โรดรีเกซ (โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ น.72), อาร์ตูโร่ วีดาล, โธมัส มุลเลอร์, ซานโดร ว้ากเนอร์, ฆวน เบร์นาต
(ฟร้อง ริเบรี่ น.61)
ผู้ตัดสิน : มาร์โค ฟริทซ์
คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กองหน้าซุปเปอร์สตาร์ ระเบิดฟอร์มโหดในเกม ลาลีก้า เมื่อคืนที่ผ่านมาที่เปิดบ้านถล่มกิโรน่า 6-3 โดยยิง 4 จ่าย 1 เอาชนะไปด้วยสกอร์สุดบันเทิงครึ่งโหล แต่แลกมากับเกมรับที่หละหลวมเสียไป 3 ประตูจากการโหม่งทั้งสิ้น ช่วยให้ทีมเก็บสามแต้มกลับขึ้นไปอยู่อันดับที่สามของตาราง ตามหลังรองจ่าฝูงอย่างแอตเลติโก้ มาดริด 4 คะแนน
ซีดานแสดงอาการดีใจพร้อมให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลังเกมว่า
“ผมแฮปปี้กับชัยชนะและการทำงานของทีม”
“แต่ก็จริงที่มันเป็นเกมที่แปลกไปหน่อย เราทำได้ไม่ดีในการรับลูกเซ็ตพีซ ผมแฮปปี้กับ 6 ประตูนะ บางประตูเป็นการเคลื่อนที่ที่ยอดเยี่ยม”
“กิโรน่าเป็นทีมที่ลูกตั้งเตะอันตรายและคุณมีสิทธิ์จะเสียประตูในเกมอยู่แล้ว แต่เราไม่มีสมาธิกันเลย คุณต้องตื่นตัวในเรื้่องนี้หากเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก”
“เรารู้ว่าเขามีความสามารถ(โรนัลโด้) เขายิง 4 ประตู รวมเป็น 22 ลูกแล้ว(ในลีก) เราแฮปปี้มากและเราเข้าสู่ช่วงสำคัญของฤดูกาลด้วยสภาพที่ดี มีฟอร์มการเล่นที่ดี และยิงประตูได้”