สนาม : เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม, (ลอนดอน, อังกฤษ)
“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเพิ่งบุกไปเชือด ฮอลแลนด์ 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม นั้น ลงลับแข้งอีกครั้งเปิดบ้านบู๊กับ “อัซซูร์รี่” ทีมชาติอิตาลี
เกมนี้ส่ง แจ็ค บัตแลนด์ ผู้รักษาประตูคนเก่งวัย 25 ปี จากสโต๊ค ซิตี้ ลงมาเฝ้าเสาเป็นตัวจริง โดยสามประสานแดนหน้าส่ง เจสซี่ ลินการ์ด, เจมี่ วาร์ดี้ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่งลงมาล่าตาข่าย
ทางด้าน อิตาลี มีการเปลี่ยนแปลงหลายรายจากเกมพ่ายให้ อาร์เจนติน่า 0-2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยตำแหน่งผู้รักษาประตูให้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ลงมาเฝ้าเสาแทน บุฟฟ่อน ส่วนแนวรุกใช้งาน ชิโร่ อิมโมบิเล่ กับ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ล่าตาข่าย
ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่ 6 นาที อังกฤษ ได้โอกาสก่อนเลย เมื่อ คีแรน ทริปเปียร์ โยนให้กับ เอริค ดายเออร์ ขึ้นโหม่งในกรอบเขตโทษบอลหลุดเสาซ้ายไป
10 นาทีต่อมา อิตาลี มีลุ้นบ้าง อันโตนิโอ คานเดรว่า เปิดจากกราบขวาให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ เทคตัวโหม่งจ่อๆ ข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 24 เจ้าถิ่นได้โอกาส ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จ่ายบอลขึ้นหน้าให้ เจมี่ วาร์ดี้ วิ่งสอดมาตวัดยิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษ แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารอิตาลี ที่เซฟได้ ก่อนเพื่อนร่วมทีมช่วยกันสกัดทิ้งออกข้างไปได้ทัน
2 นาทีต่อมา อังกฤษ ได้โอกาสอีกครั้ง คีแรน ทริปเปียร์ ครอสให้ เอริค ดายเออร์ ขึ้นโขกเต็มๆ แต่ไม่ผ่าน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
อย่างไรก็ตามพลพรรคสิงโตคำราม มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ได้ฟรีคิก หลังจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดนสกัดร่วงลงไป ซึ่ง เจสซี่ ลินการ์ด เล่นฟรีคิกเร็ว กดบอลลงพื้นแล้วจ่ายต่อให้กับ เจมี่ วาร์ดี้ กดด้วยขวาทางกรอบเขตโทษด้านขวาบอลเบียดเสาแรกเข้าไปอย่างสุดสวยช่วยให้ อังกฤษ นำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 26
ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 4 นาที อิตาลี ขึ้นเกมทาง อินซินเย่ จ่ายต่อให้ อันโตนิโอ คานเดรว่า กดด้วยขวาบอลถากเสาซ้ายไป หมดครึ่งแรก อังกฤษ ออกนำก่อน 1-0 มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง อิตาลี เปลี่ยนเอา เฟเดรีโก้ เคียซ่า ลงเล่นแทน อันโตนิโอ คานเดรว่า ในนาทีที่ 56
นาทีต่อมา โอกาสของเจ้าบ้าน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกจาสโมสรแมนฯซิตี้ ที่วันนี้เล่นได้เด่นเหลือเกิน จ่ายให้กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษ แต่ติดเซฟของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารร่างใหญ่ของอิตาลี
อิตาลี มีโอกาสเหมือนกันในนาที 58 เคียซ่า จ่ายให้กับ อิมโมบิเล่ กระททุ้งด้วยขวาจากนอกเขตโทษไปติดเซฟของ แจ็ค บัตแลนด์ นายทวารทีมชาติอังกฤษ
หนึ่งชั่วโมงของเกมการแข่งขัน อังกฤษ ส่ง อดัม ลัลลาน่า ลงเล่นแทน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน พร้อมส่ง แดนนี่ โรส เล่นแทน คีแรน ทริปเปียร์
กระเถิบมานาทีที่ 67 อังกฤษ ได้โอกาสจากจังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า ที่ลงมาเป็นตัวสำรองจ่ายให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซัดด้วยขวาจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย บอลเหินข้ามคานไป
สามนาทีต่อมา อังกฤษ เปลี่ยนเอา มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงเล่นหน้าแทน เจมี่ วาร์ดี้ คนทำประตู พร้อมให้ ลูอิส คุ้ก เล่นแทน ลินการ์ด ด้วย
ล่วงเลยมานาทีที่ 73 อิตาลี ได้ฟรีคิกเยื้องมาทางด้านซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ปั่นด้วยขวาบอลโค้งข้ามคานไป
ท้ายเกมนาทีที่ 87 อิตาลี มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ กองหลังอังกฤษไปสกัดใส่ เคียซ่า จนล้มลงไปในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ทันที ก่อนที่ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ รับหน้าที่สังหารด้วยขวาเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงามช่วยให้ตามตีเสมอ 1-1
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกมเสมอกัน 1-1
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
อังกฤษ : แจ็ค บัตแลนด์ – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, คีแรน ทริปเปียร์ – อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เอริค ดายเออร์, แอชลี่ย์ ยัง – เจสซี่ ลิ
นการ์ด, เจมี่ วาร์ดี้, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
อิตาลี : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า – เลโอนาร์โด โบนุชชี่, ดานิเอเล่ รูกานี่, มัตเตีย เด ชีโย่ – ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า, จอร์จินโญ่, มาร์โก ปาโรโล่, ลอเรนโซ่ เปเยกรินี่, อันโตนิโอ
คันเดรว่า – ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเย่
สนาม : เครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม (เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, รัสเซีย)
ทีมชาติรัสเซีย เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย เปิด เครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก รับการมาเยือนของ ฝรั่งเศส ในการเล่นแมตช์กระชับมิตร นับเป็นการเตรียมความพร้อมของทั้งสองทีม ก่อนลุยศึกเวิลด์ คัพ กลางปีนี้
สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ กุนซือทีมชาติรัสเซียวัย 54 ปี ส่ง ฟิโอดอร์ สโมลอฟ หัวหอกคราสโนดาร์เล่นคู่กับ อเล็กเซ มิรานชุค
ส่วน ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เซเล็กซิยอนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศสวัย 49 ปี ได้ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กองหลังอาร์เซน่อลหายเจ็บที่หลัง ลงสนาม เขาเปลี่ยนแปลงทีมหลายตำแหน่งจากนัดล่าสุด แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ แบ็กขวาสตุ๊ตการ์ทกับ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ แบ็กซ้ายแอตเลติโก มาดริดได้ลงตัวจริง โดยมี คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ศูนย์หน้าปารีส แซงต์-แชร์กแมงวัย 19 ปี สวมเสื้อหมายเลข 10
ก่อนเกมเริ่มต้น นักเตะทั้งสองทีมต่างยืนสงบนิ่ง 1 นาที ไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุเพลิงไหม้ศูนย์การค้าที่เมืองเคเมโรโว แคว้นไซบีเรียของรัสเซีย เมื่อเย็นวันอาทิตย์ 25 มีนาคมที่ผ่านมา
ครึ่งแรก นาที 15 รัสเซีย เกือบได้ประตู เมื่อ อลัน ดราโกเยฟ ผ่านบอลจากกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ฟิโอดอร์ สโมลอฟ ยิงเท้าซ้ายระยะเผาขนติด อูโก้ โยริส นายทวาร กัปตันทีมฝรั่งเศส
จากนั้นนาที 26 เป็นโอกาสของ ตราไก่ ในจังหวะที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล จ่ายไปเข้าทาง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ หวดเท้าขวาหน้าประตูติด อังเดร ลุนยอฟ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นเซฟอยู่หมัด
และแล้วนาที 40 ฝรั่งเศส นำ 1-0 ปอล ป็อกบา เปิดจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายอย่างแม่นยำให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ยิงเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลลอดขาของ อังเดร ลุนยอฟ เข้าประตู นับเป็นลูกที่สองของเขาในชุดเลส์ เบลอส์
จบครึ่งแรก ฝรั่งเศสนำ 1-0
ในครึ่งหลัง นาที 48 อเล็กซานเดอร์ เยโรกิ้น ทำฟาวล์ ปอล ป็อกบา กองกลางจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ ทีมเยือน ได้ฟรีคิกระยะ 25 หลา ทางฝั่งซ้าย และเป็น ปอล ป็อกบา สังหารฟรีคิกเท้าขวา บอลไซด์โค้งข้ามกำแพง ก่อนพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ฝรั่งเศส นำห่าง 2-0
ทั้งสองทีมต่างเปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงสนามหลายคน และแล้วนาที 68 อิกอร์ สโมลนิคอฟ กองหลังตัวสำรองโยนจากปีกขวาไปที่เสาสอง ฟิโอดอร์ สโมลอฟ ยิงเท้าซ้ายระยะเผาขนเรียบร้อย รัสเซีย ตีไข่แตก ไล่ตามหลังมาที่สกอร์ 1-2
ท้ายเกม นาที 83 ตราไก่นำห่าง 3-1 แบลส มาตุยดี้ มิดฟิลด์ตัวสำรองทำทางจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายไปให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ซัดเท้าขวาที่เสาแรกตุงตาข่าย เป็นลูกที่สองของเขาในนัดนี้
จบเกม ฝรั่งเศส บุกมาต้อน รัสเซีย 3-1
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
รัสเซีย : อังเดร ลุนยอฟ – วลาดิมีร์ กรานัต, โรมัน นอยสต๊าดเตอร์, เฟดอร์ คุดเรียชอฟ – อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, ยูริ ซีร์คอฟ – อเล็กซานเดอร์ เยโรกิ้น, อลัน ดราโกเยฟ – ฟิโอดอร์ สโมลอฟ, อเล็กเซ มิรานชุค
ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส (กัปตันทีม) – แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, ซามูแอล อุมติตี้, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ – ปอล ป็อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมาน เดมเบเล่, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, อองโตนี่ มาร์กซิยาล
ผู้ตัดสิน : เกดิมินาส มาเซก้า (ลิธัวเนีย)
ทรรศนะ : เม็กซิโก นัดนี้จะใช้ โมเรโน เฮอร์เรรา , ซัลซีโด้ และ เนสเตอร์ อเราโฆ ยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี เรเยส โรซาเลส คอยคุมเกมในแดนกลาง แนวรุกฝั่งซ้ายมี ฟาเบียน เดอ ลา โมรา และฝั่งขวาเป็น ลายัน ปราโด เพื่อสนับสนุนกองหน้าอย่าง โรดริเกซ ด้านโครเอเชีย จะขาดกองหลังคนสำคัญอย่าง เดยัน ลอฟเรน ที่มีอาการบาดเจ็บ นัดนี้จะใช้ ชอร์ลูก้า และวิด้า ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี โควาชิซ ลงคุมเกมร่วมกับ ราคิติช โดยมี โมดริช ยืนเป็นเพลย์เมคเกอร์ สร้างสรรค์เกมรุกให้กับกองหน้าตัวเป้าอย่าง คาลินิซ นัดที่แล้วที่พบกันเป็นฝ่าย โครเอเชีย ที่เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 อีกทั้งนัดนี้จะเล่นกันที่สนามเป็นกลางอีกด้วย มองว่า โครเอเชีย จะย้ำแค้นด้วยการเอาชนะ เม็กซิโก ไปอีกครั้ง
ฟันธง: โครเอเชีย ชนะ 2-1
ความมั่นใจ : [80%]
เว็บเเทงบอลออนไลน์ เเทงบอลออนไลน์ เเทงบอล เเทงหวยออนไลน์
คลิ๊กลิงค์ —> ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์
ทรรศนะ : เซนต์ จอห์นสโตน นัดนี้จะใช้ แอนเดอร์สัน และ กอร์ดอน ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี เดวิดสัน ลงทำเกมร่วมกับ คริส มิลลาร์ เพื่อคอยสนับสนุนคู่กองหน้าอย่าง คริสโตเฟอร์ เคน และ แมคลีน ด้านแฮมิลตัน นัดนี้วาง ชอย์นว้อนท์ , ฮาเวียร์ โทมัส และ วาน เดอ เว็ก ยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี ดาร์เรน ลิญง ลงทำเกมรุกให้กับคู่กองหน้าอย่าง อ็อกคัมเพอ และ โรจาโน่ ฝั่งเจ้าบ้านนัดล่าสุดเพิ่งเสมอกับ ฮิเบอร์เนียน มาด้วยสกอร์ 1-1 ด้านทีมเยือนนัดที่แล้วก็เพิ่งจะเสมอ รอสส์ เคาน์ตี้ มาเหมือนกัน นัดนี้จะเป็นนัดสำคัญของทั้ง 2 ทีม เพราะต้องการแต้มเพื่อหนีจากโซน เพลย์ออฟ หาทีมตกชั้น หากมองจากสถิติที่พบกันมา 2นัดหลังเป็นฝ่าย เซนต์ จอห์นสโตน เอาชนะได้ทั้ง 2นัด นัดนี้ยังได้ เล่นในบ้านอีก และจะไม่ปล่อยให้ 3คะแนนหลุดมือไปอย่างแน่นอน
ฟันธง: เซนต์ จอห์นสโตน ชนะ 3-1
ความมั่นใจ : [80%]
เว็บเเทงบอลออนไลน์ เเทงบอลออนไลน์ เเทงบอล เเทงหวยออนไลน์
คลิ๊กลิงค์ —> ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์
ทรรศนะ : อัสโคลี่ นัดนี้จะวาง กิกลิออทติ , เมนโกนิ และ ปาเดลร่า ยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี บัซเซโกลี่ ลงคุมเกม โดยให้ เกลเมนซ่า ทำเกมรุกอยู่ข้างหลังกองหน้าอย่าง โมนาเชลโล่ ด้านบารี่ นัดนี้จะใช้ เอ็มเปเรออร์ และ มาร์โรเน ลงยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี บาชา ลงคุมเกมในแดนกลาง แนวรุกฝั่งซ้ายมี อิมปรอต้า และฝั่งขวาเป็น ซิสเซ่ เพื่อสนับสนุนกองหน้าอย่าง มีเกล ดา ซิลวา ฟอร์มของ อัสโคลี่ นัดล่าสุดเพิ่งเสมอกับ สเปเซีย มา ส่วนฟอร์มของ บารี่ ถือว่ามีฟอร์มที่ดีเลย ไม่แพ้ใครมาถึง 7นัดติดต่อกัน นัดนี้ยังมองว่า บารี่ ยังมีทีมที่ดีกว่า อีกทั้งยังมีผู้เล่นในแนวรุกที่ทำได้ดีในจังหวะที่ขึ้นเกมรุกอีกด้วย และ บารี่ จะบุกไปเก็บแต้มถึงในบ้านของ อัสโคลี่ ได้แน่นอน
ฟันธง: บารี่ ชนะ 1-0
ความมั่นใจ : [80%]
เว็บเเทงบอลออนไลน์ เเทงบอลออนไลน์ เเทงบอล เเทงหวยออนไลน์
คลิ๊กลิงค์ —> ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์
ทรรศนะ : มักเดเบิร์ก นัดนี้จะใช้ เอิร์ดแมนน์ , ไฮโนลต์ และ สเตฟเฟน ชาเฟอร์ ยืนเป็นกองหลัง 3คน แดนกลางมี รอเธอร์ ลงคุมเกมร่วมกับ ริชาร์ด วีล โดยใช้ ฟลอเรียน พิค ขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็น ฟิลิป เทอร์พิต คอยสนับสนุนกองหน้าอย่าง คริสเตียน เบค ด้านสวิคเคาว์ นัดนี้จะใช้ แอ็คควิซแท็บ และ แอนโทนิทช์ ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ แดนกลางมี คอนเน็คเก้ ลงทำเกมให้กับคู่กองหน้าอย่าง รอนนี โคนิก และ ฟาเบียน ไอเซล นัดนี้มองว่า ทั้งสองทีม เป็นทีมที่ค่อนข้างที่จะห่างชั้นกัน อีกทั้ง มักเดเบิร์ก ยังได้เล่นในบ้านอีก และคงจะเป็นฝ่ายที่ทำเกมบุกอยู่ฝ่ายเดียว
ฟันธง: มักเดเบิร์ก ชนะ 3-0
ความมั่นใจ : [80%]
เว็บเเทงบอลออนไลน์ เเทงบอลออนไลน์ เเทงบอล เเทงหวยออนไลน์
คลิ๊กลิงค์ —> ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์
เจมส์ แมดดิสัน ดาวเตะของทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อน ตกเป็นเป้าหมายของหลายทีมใหญ่ในอังกฤษอย่าง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์, ลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เอฟเวอร์ตัน ตามรายงานของสื่อในอังกฤษ
ดาวรุ่งวัย 21 ปี ย้ายมาจาก โคเวนทรี ซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียง 2.5 ล้านปอนด์ เมื่อ 2 ปีก่อน สามารถทำประตูได้ 14 ลูก ให้กับ นอริช ได้ในซีซันนี้
เพลย์เมกเกอร์ผู้นี้โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในการถูกยืมตัวไปเล่นที่ อเบอร์ดีน เมื่อซีซีนที่แล้ว และขณะนี้กำลังโดดเด่นทั้งจ่ายและยิงให้กับ นอริช ซิตี้ แม้ว่าทีมจะอยู่อันดับ 13 ของตาราง
ลิเวอร์พูล กับ สเปอร์ส เคยให้ความสนใจดาวรุ่งผู้นี้เมื่อช่วงมกราคมที่ผ่านมา แต่ นอริช ไม่ต้องการขายออกไป เนื่องจากพวกเขาเพิ่งเสีย อเล็กซ์ พริทชาร์ด กองกลางคนสำคัญให้กับ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ในราคา 11 ล้านปอนด์ ในช่วงนั้น
เป็นที่คาดกันว่า หลังจบฤดูกาลนี้ แมดดิสัน จะย้ายออกจากถิ่นแคร์โรลโร้ด ดังนั้นทีมจึงได้ตั้งค่าตัวให้คุ้มกับที่จะต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญของทีมออกไป
จังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเกมผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง มีแฟนบอลรายหนึ่งวิ่งลงมาในสนาม พยายามที่จะขอจูบ ‘เจ็ตโด้’ พร้อมขอถ่ายเซลฟีกับนักเตะขวัญใจ
Mientras a Messi le hacen reverencias, a CR7… Pues…https://t.co/IULcwrz18W
— Trucutrve BolcheVikh (@vikh666) March 26, 2018
หลังจากนั้นก็มีแฟนบอลอีกรายสวมเสื้อทีม เรอัล มาดริด วิ่งเข้ามาในสนามและสวมกอดซุปเปอร์สตาร์รายนี้ราวกับคนรัก และในขณะที่เขากำลังจะโพสท่าถ่ายรูปกับกัปตันทีมชาติโปรตุเกส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็วิ่งเข้ามาจับไว้ทันควัน
สนาม : เวมบลีย์ (ลอนดอน, อังกฤษ)
อังกฤษของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เตรียมความพร้อมก่อนลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย โดยก่อนหน้านี้บุกชนะฮอลแลนด์ 1-0 นับเป็นครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่ปี 1969 ด้วย
ความพร้อมล่าสุด แจ็ค วิลเชียร์ ที่เจ็บจนไม่ได้ร่วมเดินทางไปเล่นในเกมชนะ ”อัศวินสีส้ม” ฟิตไม่ทันถอนตัวไปแล้ว
สำหรับ โจ โกเมซ เดี้ยงตั้งแต่ 10 นาทีแรกของเกมล่าสุด และได้ขอถอนตัวออกไปเช่นกัน
คาดว่าเซาธ์เกตเตรียมปรับทัพพอสมควร แจ็ค บัตแลนด์ จะได้เฝ้าเสาเป็นตัวจริงบ้างหลังเกมที่แล้วเป็นโอกาสของ จอร์แดน พิคฟอร์ด
กองหลังยังยึดระบบ 3 เซนเตอร์ ส่ง เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ประเดิมสนาม ส่วนอีก 2 ตัวยังวางใจ จอห์น สโตนส์ กับ ไคล์ วอล์คเกอร์
วิงแบ็กเป็น คีแรน ทริปเปียร์ กับ แอชลี่ย์ ยัง ประจำการริมเส้น
แดนกลางส่ง เอริก ดายเออร์ ผนึกกำลังกับ ลูวิส คุ้ก ที่จะได้ลงประเดิมทีมชาตินัดแรก
เกมรุก 3 ตัววาง เดเล่ อัลลี่ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด สนับสนันหน้าเป้า เจมี่ วาร์ดี้
ด้าน ลุยจิ ดิ เบียโจ้ เทรนเนอร์ ”อัซซูรี่” พาทีมพ่ายอาร์เจนตินา 0-2 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
สภาพทีมต้องรอทดสอบความฟิตของ มาร์โก แวร์รัตติ ที่เจ็บจากแมตช์ดังกล่าว แต่ดูแล้วไม่น่าเสี่ยงส่งลงเล่น แถมล่าสุด เลโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า เกิดเจ็บระหว่างซ้อมจนถอนตัวออกไปเรียบร้อย และจะมีการหมุนเวียนผู้เล่นหลายตำแหน่งด้วย
ผู้รักษาประตูเปลี่ยนใช้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า บ้าง แนวรับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ยังน่าจะได้จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ดานิเอเล่ รูกานี่ ต่อไป หรือยังมี อันเจโล่ อ็อกบอนน่า เป็นตัวสอดแทรก ขนาบข้างด้วย ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า และ มัตเตโอ ดาร์เมียน
แดนกลางเป็นการประสานงานกันระหว่าง ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ กับ โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ อีกตำแหน่งแย่งกันระหว่าง มาร์โก ปาโรโล่ หรือ ไบรอัน คริสตันเต้ แนวรุกเลือก อันเดรีย เบล็อตติ เป็นหน้าเป้า พร้อมมี อันโตนิโอ คันเดรว่า กับ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ คอยช่วยริมเส้น
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
อังกฤษ (3-4-2-1) : แจ็ค บัตแลนด์ – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ – คีแรน ทริปเปียร์, เอริก ดายเออร์, ลูวิส คุ้ก, แอชลี่ย์ ยัง – เดเล่ อัลลี่, มาร์คัส แรชฟอร์ด – เจมี่ วาร์ดี้
อิตาลี (4-3-3) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า – ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, ดานิเอเล่ รูกานี่, มัตเตโอ ดาร์เมียน – ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่, มาร์โก ปาโรโล่ – อันโตนิโอ คันเดรว่า, อันเดรีย เบล็อตติ, ลอเรนโซ่ อินซินเย่
สนาม : โอลิมปิก สตาดิโอน, เยอรมนี
โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมเยอรมัน แชมป์โลก พาทีมอุ่นแข้งเสมอกับ สเปน 1-1 เมื่อนัดก่อน จากประตูสุดสวยของ โธมัส มุลเลอร์
เกมนี้ เอ็มเร่ ชาน ถอนตัวไปแล้วเพราะมีอาการเจ็บหลัง ส่วน โธมัส มุลเลอร์ กับ เมซุต โอซิล ก็จะได้พักเช่นกัน เพราะไม่จำเป็นต้องเสี่ยงส่งลงสนาม แต่ เซบาสเตียน รูดี้ ที่พลาดเกมที่แล้ว เพราะภรรยาคลอดลูก จะกลับมาร่วมทัพอีกครั้ง
คาดว่าโยกี้จะลองปรับระบบเล่นกองหลัง 3 คน และมีวิงแบ็ก ให้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลงเล่นร่วมกับ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ และ มัทธีอัส กินเทอร์ ส่วน มาร์วิน พลัทเท่นฮาร์ดท์ กับ โยชัว คิมมิช ยืนวิงแบ็ก แนวรุกให้ ลาร์ส สตินเดิ้ล กับ ลีรอย ซาเน่ สนับสนุน ติโม แวร์เนอร์ นอกจากนั้นยังเปลี่ยนให้ แบร์นด์ เลโน่ ลงเฝ้าเสาบ้าง แทนที่ของ มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น
ด้าน ซามี่ เคดิร่า, โทนี่ โครส, เยโรม บัวเต็ง และ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ จะได้พักเป็นแค่สำรองไปก่อน
ฝั่งชิชี่ เทรนเนอร์ทีมชาติบราซิล ยังคงตั้งใจเน้นเกมอุ่นเครื่องเต็มที่เหมือนเดิม หลังเอาชนะ รัสเซีย เจ้าภาพมาได้นัดก่อน 3-0 และนี่จะเป็นการพบกับเยอรมันเป็นครั้งแรก นับแต่แพ้ให้กับทีมอินทรีเหล็ก เมื่อ 4 ปีก่อน 1-7 ในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก บนแผ่นดินตัวเอง
สื่อคาดกันว่า ทัพแซมบ้าจะจัดชุดเดิมที่เอาชนะรัสเซียลงได้เป็นหลัก น่าจะเปลี่ยนแค่ถอด ดั๊กลาส คอสต้า ออกมาให้ เรนาโต้ เอากุสโต้ หรื่อ แฟร์นันดินโญ่ คนใดคนหนึ่งลงแทน
ส่วนนายทวารยังเป็น อลิสซอน โดยมี วิลเลี่ยน กับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ทำเกม หน้าเป้าเป็น กาเบรียล เชซุส สำหรับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ไทสัน, อันแดร์สัน ทาลิสก้า, วิลเลี่ยม โชเซ่ หอกจาก เรอัล โซเซียดาด นั่งรอคอยโอกาสไปก่อน
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เยอรมัน (3-4-2-1) : แบร์นด์ เลโน่ – อันโตนิโอ รือดิเกอร์, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, มัทธีอัส กินเทอร์ – โยชัว คิมมิช, อิลคาย กุนโดกัน, เลออน โกเร็ทซ์ก้า, มาร์วิน พลัทเท่นฮาร์ดท์ – ลาร์ส สตินเดิ้ล, ลีรอย ซาเน่ – ติโม แวร์เนอร์
บราซิล (4-1-4-1) : อลิสซอน – ดานี่ อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา, ชูเอา มิรันด้า, มาร์เซโล่ – คาเซมิโร่ – วิลเลี่ยน, เปาลินโญ่, แฟร์นันดินโญ่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ – กาเบรียล เชซุส
ผู้ตัดสิน : โยนาส เอริคส์สัน (สวีเดน)